นายเทวัญ วิชิตะกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นประธานร่วมกับพลเอก ธีระวัฒน์ บุญยะประดับ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum Of Understanding: MOU) ในการสำรวจรังวัดกำหนดตำแหน่งและปักหลักเขตที่ดินราชพัสดุกรอบนอกตามแผนที่กายภาพที่ได้ทำการสำรวจรังวัด เมื่อปี 2538 แปลงหมายเลขทะเบียนที่ รบ.553 เฉพาะในพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยมีคณะผู้บริหารและข้าราชการจากทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน
นายเทวัญ วิชิตะกุล ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ รบ.553 ครอบคลุมพื้นที่ของ อ.จอมบึง และ อ.สวนผึ้ง เนื้อที่ประมาณ 500,000 ไร่ โดยมีกองทัพบกเป็นผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ และยังมีส่วนราชการอื่นๆ เข้าใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งสถานที่ทำการ อาทิ โรงเรียน สถานีอนามัย ที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจ และกรมทางหลวง ซึ่งปัจจุบันพบว่าพื้นที่บางส่วนมีประชาชนเข้าไปบุกรุกครอบครองและเข้าทำประโยชน์เป็นจำนวนมาก และบางส่วนยังไม่ยอมรับว่าเป็นที่ดินราชพัสดุ รวมทั้งยังเข้าไปบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มขึ้น
นายเทวัญ กล่าวต่ออีกว่า ด้วยสภาพพื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นภูเขาและป่าไม้ ทำให้มีข้อจำกัด ในการแก้ไขปัญหา ดังนั้น กรมธนารักษ์จึงร่วมกับกองทัพบกในฐานะผู้ดูแล รักษาและครอบครองใช้ประโยชน์ ในการสำรวจรังวัดกำหนดตำแหน่ง และปักหลักเขตที่ดินราชพัสดุกรอบนอกตามแผนที่กายภาพที่ได้กำหนดสำรวจรังวัด เมื่อปี 2538 พร้อมทั้งให้การสนับสนุนงบประมาณกว่า 3 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินงาน อาทิ งานปักเสาหลักเขตแสดงพื้นที่ราชพัสดุ งานก่อสร้างป้ายแผนที่และประวัติที่ดินราชพัสดุ การมอบต้นไม้เศรษฐกิจให้กับประชาชน เป็นต้น โดยจะดำเนินการในส่วนของพื้นที่ในเขตอำเภอสวนผึ้งก่อน เนื่องจากมีเนื้อที่จำนวนมากถึง 410,000 ไร่ ถูกบุกรุกไปแล้วประมาณ 108,000 ไร่ หรือเกือบร้อยละ 30 ซึ่งการดำเนินการจะแล้วเสร็จภายใน 5 เดือน รวมทั้งจะได้เร่งการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบและเข้าใจอย่างทั่วถึง
สำหรับแนวทางและขั้นตอนแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินราชพัสดุพื้นที่ดังกล่าว ในกลุ่มที่ยังเป็นปัญหา ได้แก่ กลุ่มผู้ขอเช่าเพื่ออยู่อาศัยและทำการเกษตร จะดำเนินการตรวจสอบรังวัดจัดทำแผนที่และพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดให้เช่า เช่น ไม่เป็นพื้นที่ฝึกของหน่วยทหาร ไม่เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ ป่าต้นน้ำลำธาร พื้นที่ลาดชันเกิน 19 องศา หากคุณสมบัติครบถ้วนก็สามารถจัดทำสัญญาให้เช่าได้ ส่วนกลุ่มผู้เช่าเดิม จะมีการตรวจสอบการครอบครองเนื้อที่ ถ้าพบว่ามีการบุกรุกครอบครองเกินเขตเช่าหรือจัดให้เช่าไม่ถูกหลักเกณฑ์ก็จะทำการลดเนื้อที่หรือระงับการต่อสัญญาเช่า สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการรีสอร์ท กรณียังไม่ได้เช่าและไม่ยอมเช่า จะทำการรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดีต่อไป