โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทแบ่งเป็น รายได้จากการขายในประเทศ 676.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 509.76 ล้านบาท จำนวน 166.43 ล้านบาท หรือ 32.65% มีรายได้จากการขายต่างประเทศ 492.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 386.40 ล้านบาท จำนวน 106.12 ล้านบาท หรือ 27.46%
ขณะที่รายได้รวมในครึ่งปีแรกของปี 2553 (มกราคม — มิถุนายน) บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,311.90 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นกว่า 37.90% หรือเพิ่มขึ้น 635.40 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันเดียวกันของปี 52 แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 1,345.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 370.16 ล้านบาท หรือ 37.96% และรายได้จากการขายต่างประเทศ 966.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 265.24 ล้านบาท หรือ 37.82%
“จากผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2553 ถือว่าบริษัทฯ สามารถทำรายได้ได้ดีตามเป้าที่วางไว้ โดยสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ หลังจากที่ในไตรมาสก่อนบริษัทขาดทุนกว่า 18.47 ล้านบาท อันสืบเนื่องมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลดลงจากราคาวัตถุดิบในการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสก่อน และจากการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับต่างประเทศ โดยในไตรมาสนี้ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งความสำเร็จจากการบริหารจัดการต้นทุนและความสามารถในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในประเทศที่มากกว่า 30% โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่เข้าถึงบรรดาตัวแทนจำหน่าย การจัดโรดโชว์ รวมถึงกิจกรรมทางการตลาด ที่ปีนี้เราเน้นสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งอย่างเต็มตัว ทั้งเป็นผู้สนับสนุนหลักทีมฟุตบอล บีอีซีเทโร ศาสน สนับสนุนรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ 3K NITTO ISUZU RACING CAR 2010 ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนวงการกีฬาไทยให้พัฒนาไปสู่สากล และเพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ รวมถึงความสำเร็จจากการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ” นายวีรวัฒน์ กล่าว
นางสาววีรวรรณ ขอไพบูลย์ รองประธานอาวุโส สายงานบริหาร บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในส่วนของตลาดต่างประเทศในปัจจุบัน บริษัทจะเน้นการขยายสัดส่วนการตลาดของประเทศเดิมที่เรามีอยู่แล้ว อาทิ กลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด และเข้าไปบุกตลาดในประเทศใหม่ๆที่ใช้แบตเตอรี่ Sealed Maintenance Free เช่น ในกลุ่มประเทศยุโรป และประเทศที่จากเดิมเรามีสัดส่วนการขายอยู่แล้วในปริมาณที่ไม่มากนัก โดยเน้นการเข้าไปบุกตลาดและการจัดโปรโมชั่นที่แตกต่างกันแต่ให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ
“นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ารายได้ในปี 2553 ไว้กว่า 4,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 10% จากปี 2552 เนื่องจากเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น และทางบริษัทฯยังมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในเดือนกันยายนนี้ เป็นแบตเตอรี่รถยนต์ ชนิด Seald Maintenance free ( SMF) ที่ไม่ต้องดูแลรักษาตลอดอายุการใช้งาน ครอบคลุมตลาดแบตเตอรี่รถยนต์นั่งทุกประเภท ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดนี้เป็นแบตเตอรี่ที่กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่นิยมใช้กัน โดยเราจะทั้งส่งออกต่างประเทศและจำหน่ายในประเทศ ซึ่งทางบริษัทฯมั่นใจว่าแบตเตอรี่รุ่นนี้จะได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี และจะช่วยเพิ่มยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ให้ได้ตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน ” นางสาววีรวรรณ กล่าว
นายวีรวัฒน์ ได้กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า “บริษัทฯ มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าผลประกอบการปี 2553 จะมีอัตราการเติบโตตามเป้าที่วางไว้ โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน 3เค แบตเตอรี่ ถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดแบตเตอรี่เมืองไทย ประกอบกับความแข็งแกร่งของแบรนด์ และการเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาด การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และโปรโมชั่นต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการขยายตัว และการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าที่อยู่ภายใต้ แบรนด์ 3เค แบตเตอรี่ให้โดดเด่น ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในปี 2553 เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์”
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
อัจฉริยา ศรีสุระ (นุก)
บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด
โทร: 0 -2393-3333 ต่อ 873
อีเมล์: [email protected]