ปตท./วว. หน่วยงานวิจัย สถาบันการศึกษา ผนึกกำลังวิจัยการผลิตน้ำมันจากสาหร่ายขนาดเล็ก

พฤหัส ๑๖ กันยายน ๒๐๑๐ ๑๓:๐๐
นายณัฐชาติ จารุจินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นางเกษมศรี หอมชื่น ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้แทนจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเครือข่ายวิจัยพลังงานจากสาหร่ายขนาดเล็กแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2553 ณ ห้องประชุมคณะกรรมการ ปตท. ชั้น 23 อาคาร ปตท.สำนักงานใหญ่

นายณัฐชาติ จารุจินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวชี้แจงว่า เป็นที่ยอมรับในวงการวิจัยทั่วโลกว่า สาหร่ายขนาดเล็กเป็นทรัพยากรชีวภาพที่มีศักยภาพสูงในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากมีสารประกอบจำพวกน้ำมันอยู่ในปริมาณสูง อีกทั้งเติบโตได้ นอกจากนี้สาหร่ายดังกล่าวยังสามารถเลี้ยงได้ในบ่อกลางแจ้ง ให้ผลผลิตสูง ภายใต้สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ทั้งยังช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามการวิจัยพลังงานจากสาหร่ายทั่วโลกเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น เนื่องจากยังไม่มีเทคโนโลยีที่ชัดเจนและมีต้นทุนการผลิตสูง ในปัจจุบันจึงยังไม่สามารถขยายการผลิตไปสู่ระดับอุตสาหกรรมได้

“ปตท. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า หน่วยงานการศึกษาและสถาบันวิจัยของภาครัฐต่างดำเนินงานวิจัยด้านสาหร่ายอยู่แล้ว หาก ปตท. ร่วมเป็นแกนนำในการสร้างเครือข่ายงานวิจัย โดยกำหนดเป้าหมายร่วมกันอย่างชัดเจนจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความคิดเห็นที่หลากหลายมากขึ้น อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวมของประเทศ จึงเป็นที่มาของความร่วมมือเครือข่ายวิจัยพลังงานจากสาหร่ายขนาดเล็กแห่งประเทศไทย หรือ คพท. ในครั้งนี้” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าว

นางเกษมศรี หอมชื่น ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า วว. ในฐานะหน่วยงานของประเทศ ที่มีผลงานวิจัยพัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยี ตลอดจนการให้บริการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสาหร่ายขนาดเล็กแก่ภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 25 ปี มีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ คพท. ในการดำเนินงานของ วว. ภายใต้เครือข่ายนี้เป็นการวิจัยพัฒนาการผลิตน้ำมันจากสาหร่าย Botryococcus brauniiซึ่งเป็นสาหร่ายสีเขียวขนาดเล็กที่ทั่วโลกยอมรับว่า มีการสะสมน้ำมันในปริมาณสูงสุด รวมถึงการวิจัยพัฒนาการผลิตน้ำมันจากสาหร่าย ที่เจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงหรือสภาพการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีความเข้มข้นสูง

“ด้วยเล็งเห็นศักยภาพและความสำคัญของสาหร่ายขนาดเล็ก วว. จึงเป็นหน่วยงานที่มีการดำเนินงานในด้านนี้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การจัดตั้งคลังเก็บรักษาสายพันธุ์สาหร่าย ซึ่งในปัจจุบันมีการรวบรวมสายพันธุ์สาหร่ายขนาดเล็กจากแหล่งต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 1,000 สายพันธุ์ มีห้องปฏบัติการและเครื่องมือที่ทันสมัย และที่สำคัญ วว. มีระบบการเพาะเลี้ยงสาหร่ายระดับขยายกลางแจ้งต้นแบบ ตั้งแต่ขนาด 100 — 10,000 ลิตร ด้วยความพร้อมของ วว. ทั้งในเรื่องของสถานที่ ประสบการณ์ รวมทั้งการสนับสนุนจากองค์กร และความร่วมมืออันดีที่จะเกิดขึ้นภายใต้เครือข่ายนี้ จะเป็นความสำเร็จของประเทศไทยที่ทุกหน่วยงานสมาชิกของเครือข่ายจะมีส่วนร่วมภูมิใจในความสำเร็จด้วยกัน” ผู้ว่าการ วว. กล่าว

อนึ่ง เครือข่ายวิจัยพลังงานจากสาหร่ายขนาดเล็กแห่งประเทศไทย มีระยะเวลาดำเนินงาน 7 ปี (พ.ศ.2551-2558) ทั้งนี้ ปตท. สนับสนุนทุนวิจัยจำนวน 140 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเชิงพาณิชย์เพื่อให้ต้นทุนของน้ำมันจากสาหร่ายน้อยกว่า 150 เหรียญต่อบาเรล และเป้าหมายเชิงเทคนิคให้สาหร่ายมีผลผลิตสูงกว่า 30 กรัมต่อตารางเมตต่อวัน และมีปริมาณน้ำมันประมาณ 40% หรือสามารถคิดเป็นผลผลิตน้ำมันสาหร่ายประมาณ 6 ตันต่อน้ำมันต่อไร่ต่อปี ไม่รวมผลิตภัณฑ์พลอยได้ จำพวกโปรตีนคุณภาพสูง สารสกัดจำพวกกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย

สำหรับขอบเขตงานวิจัย มีดังนี้ 1. สำรวจ เก็บรวมรวมสายพันธ์สาหร่ายขนาดเล็กของประเทศไทยที่เหมาะสมต่อการผลิตเป็นพลังงานชีวมวล 2. วิจัยพัฒนากระบวนการเพาะเลี้ยง เก็บเกี่ยว และสกัดน้ำมันจากสาหร่ายขนาดเล็กสายพันธุ์คัดเลือก ตั้งแต่ระดับห้องปฏิบัติการ โรงงานต้นแบบ รวมถึงการผลิตเชิงพาณิชย์ 3. ศึกษาคุณสมบัติและพัฒนาคุณภาพ/ประสิทธิภาพของน้ำมันจากสาหร่ายขนาดเล็กให้เหมาะสมต่อการจำหน่ายเชิงพาณิชย์และการใช้งาน 4. ประเมินวัฏจักรชีวิตของการผลิตน้ำมันจากสาหร่ายขนาดเล็ก 5. ศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ของการผลิตน้ำมันจากสาหร่ายขนาดเล็กเชิงพาณิชย์ และ 6.ร่วมกันจัดหาและสนับสนุนทรัพยากรสำหรับใช้ในการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงานของเครือข่ายฯ ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา ทีมงานได้คัดเลือกสาหร่ายกว่า 100 สายพันธุ์ โดยได้สายพันธุ์คัดเลือกสำหรับพัฒนาต่อ 6 สายพันธุ์ เป็นสาหร่ายน้ำเค็ม 2 สายพันธุ์ สาหร่ายน้ำจืด 2 สายพันธุ์ และสาหร่ายน้ำจืดที่สามารถตรึงไนโตรเจนได้ 2 สายพันธุ์ โดยมีสัดส่วนน้ำมันสูงประมาณ 20-40% และมีอัตราการเติบโตประมาณ 10-15 กรัมต่อตารางเมตรต่อวัน หรือสามารถคิดเป็นผลผลิตน้ำมันสาหร่ายประมาณ 1-3 ตันต่อน้ำมันต่อไร่ นอกจากนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้างระบบเพื่อติดตั้งที่ สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. โดยเป็นระบบขนาด 600 ลิตร จำนวน 4 ระบบ และภายใต้โครงการยังประกอบไปด้วยระบบเปิดขนาด 5,000 ลิตร และ 10,000 ลิตรของ วว. ซึ่งจะสามารถทดสอบสายพันธุ์ต่างๆ ในระดับนำร่องได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO