นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เริ่มเปิดดำเนินการศูนย์ให้คำปรึกษาแนะนำด้านกฎระเบียบสิ่งแวดล้อมและพลังงานแก่ผู้ประกอบการ (Help desk) ซึ่งเป็นโครงการภายใต้มาตรการเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมไทย ในการแข่งขันภายใต้ระเบียบของประเทศคู่ค้า โดยสนับสนุนงบประมาณให้สถาบันรับรองมาตรฐาน ISO ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือให้คำแนะนำและวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ผู้ประกอบการตามความเคลื่อนไหวของกฏระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสหภาพยุโรปหรือ EU และการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้แก่ผู้ประกอบการในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแหล่งรวบรวมข้อมูลกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานที่เป็นส่วนกลางคอยติดตามความเคลื่อนไหวและส่งสัญญาณให้ผู้ประกอบการได้รับทราบอย่างรวดเร็ว เพื่อทันต่อการปรับตัว เนื่องจากการค้าในโลกแห่งการแข่งขันที่รุนแรงเช่นปัจจุบัน หากไม่ปรับตัวเสียแต่เนิ่นๆแล้วย่อมเสียโอกาสการแข่งขันในที่สุด
“ในระยะแรกจะดำเนินการให้คำปรึกษาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป ที่มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการในวงกว้างและเร่งด่วน เช่น กฎระเบียบ REACH ซึ่งเป็นกฎระเบียบที่มีผลกระทบกับผู้ประกอบการในวงกว้าง มีกำหนดระยะเวลาในการบังคับใช้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนและมีช่วงเวลาที่ชัดเจน มีการปรับปรุงรายละเอียดของกฎระเบียบเพิ่มเติมขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับการดำเนินงานระยะต่อไป จะต้องมีการขยายขอบข่ายการให้คำปรึกษาแนะนำไปสู่กฎระเบียบอื่นๆ ตามระดับผลกระทบของกฎระเบียบและความเร่งด่วน และต้องสอดรับกับความต้องการของผู้ประกอบการด้วย”
นางสุทธินีย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง การประชุมระดับประเทศและระดับนานาชาติ มักจะมีการหยิบยกประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานอย่างคุ้มค่ามาพูดคุยเสมอ ในหลายประเทศได้มีการเคลื่อนไหวให้เห็นในรูปแบบของการหารือและประสานความร่วมมือ การรณรงค์ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย ได้แก่ กลุ่มสหภาพยุโรป ที่ได้มีการประกาศใช้กฎระเบียบต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะ ระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุ (ELV) ระเบียบว่าด้วยเศษเหลือทิ้ง
ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (WEEE) ระเบียบว่าด้วยการจำกัดการใช้สารอันตรายในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (RoHS) ระเบียบว่าด้วยกรอบข้อกำหนดการออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงาน (EuP) ระเบียบว่าด้วยการควบคุมเคมีภัณฑ์ (REACH) เป็นต้น ทั้งนี้ยังได้มีการพัฒนากฎระเบียบใหม่ๆ การปรับปรุงและเพิ่มความเข้มงวดของกฎระเบียบเดิมด้วย
นอกจากนั้น ประเทศมหาอำนาจและเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี ก็ได้มีการออกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานของตนเอง และการพัฒนากฎระเบียบที่สอดรับกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป ตัวอย่างเช่น ความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ต่อกฎระเบียบ REACH โดยในช่วงมกราคม 2551 - มกราคม 2552 ทั้งสามประเทศได้มีการออกกฎระเบียบด้านเคมีภัณฑ์ รวมแล้วถึง 580 ฉบับ
นางสุทธินีย์ ยังกล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่าผลกระทบต่อผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจส่งออกจะทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างออกไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเร่งพัฒนาศักยภาพในทุกๆ ด้านเพื่อที่จะสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยการพัฒนาในทุกๆด้านจะต้องอาศัยข้อมูลและองค์ความรู้ที่หลากหลาย ดังนั้น ศูนย์ให้คำปรึกษาฯ (Help desk) จึงเป็นเสมือนแหล่งข้อมูลที่สำคัญในการช่วยเหลือชี้แนะแนวทางอย่างถูกต้องให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการจัดหาจัดเตรียมข้อมูล และลดปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบได้ โดยสามารถติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมได้ที่ www.thaihelpdesk2eu.net
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 2024371 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม