ดร.พจน์ ใจชาญสุขกิจ นายกสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “สมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทยประกาศผล องค์กร โครงการและบุคคลทั้งในหน่วยงานราชการและหน่วยงานภาคเอกชนที่มีผลงานดีเด่นด้านการประชาสัมพันธ์ เพื่อรับรางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ “สังข์เงิน” ครั้งที่ 23 ประจำปี 2552-2553 ที่มีผลงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านวิชาการ วิชาชีพ และผู้ที่ได้นำการประชาสัมพันธ์ไปใช้จนประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับของสังคมโดยรวมจากภาครัฐ และเอกชน รางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ “ สังข์เงิน” แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1) ประเภทบุคคล 2) ประเภทองค์กร และ 3) ประเภทโครงการ โดยมีนางจินตนา จุลกะเสวี นายศักดิ์ชัย เรืองกิตติกุล เป็นประธานคณะกรรมการตัดสิน และพลตำรวจตรีจิรโรจน์ กี่ศิริ เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ซึ่งผลการพิจารณามี ดังนี้
ประเภทบุคคล ได้แก่ พระอาจารย์มิตสุโอะ คเวสโก / รองศาสตราจารย์ ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ / ผศ.ดร.จิรพล สินธุนาวา / นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช / หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล / ดร.ปรีชา เรืองจันทร์ / และ นายไพบูลย์ รัตนพงศ์ธระ (ผู้ใหญ่ชงค์)
ประเภทองค์กร ได้แก่ ราชบัณฑิตยสถาน / กรมการขนส่งทางบก / มหาวิทยาลัยรามคำแหง / สวนสัตว์เชียงใหม่ / มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ / บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด
ประเภทโครงการ ได้แก่ โครงการตลาดน้ำยามเย็น เทศบาลอัมพวา จ.สมุทรสงคราม / โครงการ SCG รักษ์น้ำ เพื่ออนาคต โดยเครือซิเมนต์ไทย และ โครงการผลิตรายการ “ตลาดสดสนามเป้า” โดย บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด
ทั้งนี้ นายกสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทยได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การประชาสัมพันธ์นับเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการบริหารทั้งในระดับองค์กร จนถึงระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อน และปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มหรือบุคคลในแง่มุมต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในยุคของการสื่อสารไร้พรมแดน พัฒนาการทางเทคโนโลยีเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สภาวะของการแข่งขัน การจัดการองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงการดำรงชีวิตของภาคประชาชน ที่ข้อมูล ข่าวสาร เนื้อหาที่ได้สื่อสารออกมาทุกวันนั้น ต่างมีผลต่อการตัดสินใจทั้งสิ้น ขณะเดียวกันความสำคัญของการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจ การยอมรับ ความผูกพัน ชื่อเสียง ภาพลักษณ์ ตลอดจนผลในเชิงธุรกิจ อันเกิดจากการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ จึงนับเป็นสิ่งที่จำเป็นมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ในช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงหลายประการ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะวิกฤตทางเศรษฐกิจ ที่ได้ส่งผลต่อการดำเนินงานของภาครัฐและภาคเอกชนต่างได้รับผลกระทบ วิกฤตทางทางการเมืองส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจ การแบ่งข้างทางความคิด จนในที่สุดกระทบต่อโครงสร้างของสังคม แต่ขณะเดียวกันการประชาสัมพันธ์กลับเป็นเครื่องมือที่แต่ละภาคส่วนให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น จึงนับเป็นโอกาสที่ท้าทายให้แสดงความสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ไปได้ ด้วยความสามารถ การปรับกลยุทธ์ เพื่อการปรองดอง สร้างการรับรู้ ความเข้าในระหว่างกัน ให้เกิดผลสำเร็จที่ดีที่สุดทั้งในระดับองค์กรจนถึงระดับชาติ
โอกาสเดียวกันนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้เห็นองค์กร โครงการ และบุคคล ทั้งที่เป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนได้ให้ความสนใจ และเห็นความสำคัญของประชาสัมพันธ์ สามารถนำมาใช้ส่งเสริมกิจการ และธุรกิจให้เจริญก้าวหน้า และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับรางวัลในวันนี้ นับว่าเป็นผู้ที่มีผลงานดีเด่น ผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นที่ยอมรับจากประชาชนทั่วไป และขอเชิญชวนให้บรรดาหน่ายงาน และบุคคล ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ได้ตระหนักถึงแนวคิดในการประชาสัมพันธ์ ที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่มุ่งหาแต่กำไร และผลประโยชน์ให้กับหน่วยงานเพียงอย่างเดียว ไปจัดทำโครงการหรือบำเพ็ญตน ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและส่วนรวม เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้สึกเชื่อถือและเลื่อมใสศรัทธาหน่วยงานหรือบุคคลในที่สุดเป็นแนวร่วม โดยใช้กิจกรรมการประชาสัมพันธ์เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร
ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งการจัดระเบียบสังคม เพื่อให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดี มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั้งประเทศ ในการนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือ ร่วมใจและสนับสนุนทั้งด้านความคิด การกระทำจากทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยต้องประสานแนวคิดและความเข้าใจให้ไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารประเทศที่มั่งคง และเศรษฐกิจกลับฟื้นคืนสู่สภาพปกติและเจริญก้าวหน้าต่อไป
ข้อมูลข่าวสารและกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างพลังให้เกิดขึ้นกับมวลชนทุกหมู่เหล่า ขอชื่นชมสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ที่ได้จัดให้มีการคัดเลือกองค์กร โครงการ และบุคคลดีเด่นทางการประชาสัมพันธ์ และจัดให้มีพิธีมอบรางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ “สังข์เงิน” ติดต่อกันมาถึง 23 ครั้งแล้วในปีนี้ นับว่าเป็นกิจกรรมทีมีส่วนช่วยจรรโลงวิชาชีพที่ทำคุณประโยชน์ให้กับบุคคล หน่วยงาน สังคม และประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับรางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ “สังข์เงิน” นั้น นับได้ว่าเป็นรางวัลสุดยอดของการประชาสัมพันธ์ในสาขาต่าง ๆ ที่ผ่านมามีองค์กรชั้นนำ บุคคลที่มีชื่อเสียง ตลอดจนโครงการที่มีความสำคัญต่อประเทศและถือได้ว่าประสบความสำเร็จได้เข้ารับรางวัลดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยในหลายปีที่ผ่านมา ได้แก่ ท่านปัญญานันทภิกขุ, พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี, ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์, รศ.ธงทอง จันทรางศุ, อาจารย์อรุณ งามดี, รศ.ดร.เสรี วษ์มณฑา, รศ.จุมพล รอดคำดี, รศ.สดศรี เผ่าอินจันทร์, คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช, คุณธนินทร์ เจียรวนนท์, คุณชาลอต โทณวณิก, โครงการ To Be Number One, โครงการแฟนต้ายุวฑูต, บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน), คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง, โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศ, บริษัท เวิร์คพอยท์ เอนเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
สมาคมฯ ได้จัดให้มีการมอบรางวัลต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย เลขที่ 123 ซอยอารีย์สัมพันธ์ (ในกรมประชาสัมพันธ์) ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 0 - 2271 - 3100 หรือ www.prthailand.com