นายพีรกิตติ กิจสุบรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายนำเข้าและส่งออก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยว่า “หนึ่งในปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในอุตสาหกรรมยานยนต์ คือ การบริหารจัดการด้านโลจิสติคส์และซัพพลายเชนแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากทางบริษัทมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าในเซ็กเมนท์พรีเมี่ยม ซึ่งโรงงานของบีเอ็มดับเบิลยูในระยองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในโรงงานประกอบรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสูงที่สุด ถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูสามารถผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ โลจิสติคส์โซลูชั่นและซัพพลายเชนแบบบูรณาการเป็นปัจจัยสำคัญในเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของเรา”
เมื่อเร็วๆ นี้ ทางบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ใช้บริการเขตปลอดอากรหรือฟรีโซนและคลังสินค้าทั่วไปของเคอรี่ โลจิสติคส์ ที่ศูนย์บริการที่แหลมฉบัง โดย “ฟรีโซน” นี้ช่วยสร้างความสะดวก สบายให้กับบริษัทผู้นำเข้าสินค้า ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรขาเข้า รวมถึงภาษีมูลค่าระหว่างที่สินค้าเหล่านั้นยังอยู่ในคลังสินค้าอีกด้วย
ในส่วนของรถยนต์รุ่นนำเข้าทั้งแบรนด์ BMW และ MINI บริษัทฯได้นำเข้าโดยตรงจากโรงงานต่างๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกาและจัดเก็บในคลังสินค้า “ฟรีโซน” ของเคอรี่ โลจิสติคส์ ในประเทศไทย ก่อนที่จะได้รับการจัดส่งให้กับลูกค้าภายในประเทศ โดยจะมีการเสียภาษีศุลกากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มก็ต่อเมื่อมีการนำรถยนต์ออกจากคลังสินค้า “ฟรีโซน” เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า
“เราใช้บริการจากเคอรี่ โลจิสติคส์ มาตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งทางเคอรี่ โลจิสติคส์ก็เป็นพันธมิตรที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ในการจัดการรถยนต์นำเข้าที่มีมูลค่าสูง อีกทั้งที่ตั้ง “ฟรีโซน” ของเคอรี่ โลจิสติคส์ ในแหลมฉบัง ยังเป็นทำเลที่มีศักยภาพและตรงตามความต้องการทางด้านโลจิสติคส์ของบริษัทฯ” นายพีรกิตติ กล่าวเสริม
มร. อเล็กซ์ อึ้ง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โซลูชั่นต่างๆ ที่เรามอบให้ลูกค้านั้น เราออกแบบขึ้นมาตามความต้องการของลูกค้า โดยอาศัยความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน สินทรัพย์ต่าง ๆ ของบริษัท และโซลูชั่นด้านไอทีที่มีความทันสมัย ซึ่งจะช่วยเอื้อประโยชน์ทางด้านโลจิสติคส์ให้กับลูกค้าของเรา ปัจจัยเหล่านี้ยังช่วยให้พวกเขาสามารถทุ่มเทความสนไปยังส่วนอื่นๆ ที่สำคัญกว่าในธุรกิจของพวกเขาได้เป็นอย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ต้องกังวลกับระบบการบริหารจัดการด้านโลจิสติคส์และซัพพลายเชน เมื่อมีบริษัทที่เป็นมืออาชีพ มาช่วยดูแลอย่างแท้จริง
“ในช่วงเวลาที่ตลาดมีการแข่งขันสูงอย่างเช่นในปัจจุบัน การให้ความสำคัญกับเรื่องของการวางแผนแคมเปญการตลาด และการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อกระตุ้นยอดขายถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เรามีภารกิจในการจัดการดูแลงานในส่วนนี้ให้เกิดประสิทธิภาพ ด้วยความชำนาญและบริการต่างๆ ของเรา” เขากล่าว
มร. อึ้ง กล่าวต่อไปว่า ด้วยพันธกิจของบริษัทในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับลูกค้า ทำให้บริษัทสร้างความเติบโตอย่างงดงามเสมอมา
“ผลประกอบการอันน่าพอใจของเราในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญ ด้านลูกค้าสัมพันธ์ของเรา เราเชื่อว่าเราจะสามารถเพิ่มอัตราการเติบโตได้อีก 15% ภายในสิ้นปี ที่กำลังจะมาถึงนี้” เขากล่าวสรุป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
ต้องหทัย สุดดี/ รุ่งนภา ชาญวิเศษ
เวเบอร์ แชนด์วิค (ประเทศไทย)
โทร: 02-343-6000 ต่อ 174, 061
อีเมล์: [email protected]; [email protected]