กรรมการ กทช.กล่าวต่อว่าสำหรับการเปิดให้บริการคงสิทธิ์เลขหมายนั้นคณะกรรมการ กทช.ได้มีมติไปแล้วเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2553 ที่ผ่านมาโดยยืนยันมติเดิมของกทช.ให้บริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์โทรศัพท์มือถือต้องให้บริการในวันที่ 1 กันยายน 2553 นี้หากดำเนินการไม่ได้หรือดำเนินการไม่ทันก็ต้องจ่ายค่าปรับเป็นรายวันวันละ 166,667 บาทต่อวันต่อราย และจะเพิ่มค่าปรับเป็นสองเท่าในเดือนที่ 2 และ สามเท่าในเดือนที่ 3 ซึ่งรายได้จากค่าปรับก็ไม่ได้เป็นของกทช.เพราะเมื่อปรับแล้วต้องส่งเป็นรายได้ของรัฐบาลเพียงแต่อยากให้ผู้ให้บริการคืนสิ่งที่ดีให้กับประชาชนบ้างอย่างน้อยที่สุดควรจะบอกผู้ให้บริการทราบว่าพร้อมให้บริการเมื่อไหร่วันไหน เดือนไหน พื้นที่ไหน เพราะ กทช.ได้ให้เวลาเตรียมตัวและเลื่อนการเปิดให้บริการมาหนึ่งปีกว่าแล้ว อย่างไรก็ตามในสิ้นเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคมนี้ สำนักงาน กทช.คงจะรายงานความคืบหน้าเรื่องค่าปรับให้คณะกรรมการ กทช.รับทราบว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ กทช.คาดหมายว่าจะมีประชาชนใช้บริการนโยบายคงสิทธิ์เลขหมายจำนวนปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้นายประเสริฐ อภิปุญญา รองเลขาธิการ กทช.ในฐานะประธานคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับกล่าวว่าจะเริ่มปรับได้ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน นี้ในเดือนแรกเฉลี่ยค่าปรับวันละ 166,667 บาทและหากยังเปิดบริการไม่ได้ในเดือนที่สองและเดือนที่สามจะปรับเฉลี่ยวันละ 320,000 บาทและ 480,000 บาทตามลำดับ ในขณะที่นายสรรชัย เตียวประเสริฐกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาดของบริษัท AIS กล่าวว่าคงต้องยอมโดนปรับไป 2-3 เดือนหลังจากนั้นคงจะเปิดให้บริการได้ตลาดของบริษัท เดือนที่สามจะปรับเฉลี่ยวันละบปรับกล่าวว่า