นายศรันย์ ชินประหัษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดแบตเตอรี่ ในประเทศไทยมีการแข่งขันกันอย่างสูง โดยในช่วง 8 เดือน ที่ผ่านมาของปี 2553 GS มียอดจำหน่ายรวมสำหรับตลาดในประเทศ 2,500 ล้านบาท และมียอดขายแบตเตอรี่รถยนต์ผ่าน 1 ล้านลูก ซึ่งถือได้ว่าเร็วกว่าปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของแบตเตอรี่กลุ่มรถยนต์จนถึงสิ้นปีนี้ไว้ที่ 1,900,000 ลูก บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขาย ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
โดยแผนการตลาดหลักของบริษัทฯ คือ การมุ่งเน้นวิจัยและพัฒนาสินค้าทำให้ GS เป็นแบรนด์ที่เป็นผู้นำด้าน นวัตกรรมแบตเตอรี่มาอย่างต่อเนื่อง โดยทาง GS ได้ออกแบตเตอรี่รุ่นใหม่ๆ สู่ตลาดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และ ในปีนี้ GS ยังคงจำหน่ายแบตเตอรี่รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อาทิ
- NS60 Plus ซีรีส์ โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพกำลังสตาร์ทเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นกำลังไฟสำรอง และอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มรถยนต์นั่งได้เป็นอย่างดี
- N50L เจาะกลุ่มตลาดล่าง โดยลูกค้าในกลุ่มนี้สามารถใช้สินค้าที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของราคา
- N70 High Plus เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้รถปิกอัพ ขนาด 2,500 cc.
- 75D23L-MF เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ ขนาด 2,000 cc.
นอกจากนี้ GS ยังจำหน่ายแบตเตอรี่รุ่นไฮบริด [Hybrid] ซึ่งเหมาะสำหรับรถที่ใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพราะด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ทนความร้อนได้ดี เป็นแบตเตอรี่ที่ถูกออกแบบมาโดยการผสมผสานข้อดีในเรื่องความคงทนของแบตเตอรี่ธรรมดา [Conventional] และจุดเด่นของแบตเตอรี่ Maintenance Free ในด้านการจ่ายไฟ และการเก็บไฟที่ง่ายต่อการดูแลรักษาโดยผลิตภายใต้มาตรฐานเดียวกับแบตเตอรี่ติดรถยนต์ส่งออก ซึ่งปัจจุบัน GS เป็นผู้ผลิตส่งให้กับโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ส่งออกกว่า 500,000 คัน สำหรับตลาดภายในประเทศ GS ได้วางจำหน่าย 2 รุ่น คือ 65D23L-HB สำหรับรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ และ 95D31R-HB สำหรับรถปิกอัพ และในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ GS เตรียมเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ Super Diamond-Double Lid (ฝา 2 ชั้น) ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่พัฒนา อีกขั้นต่อจากแบตเตอรี่รุ่น Super Diamond คลอบคลุม ทั้งกลุ่มรถยนต์ และรถปิกอัพ โดยจุดเด่นของแบตเตอรี่รุ่นใหม่นี้ คือ ฝา 2 ชั้น เทคโนโลยีเดียวกับของ GS Japan แต่ปรับแบบเพื่อให้เข้ากับสภาพการใช้งานของประเทศในเขตเมืองร้อน พร้อมฟิลเตอร์ที่ออกแบบมาพิเศษ ป้องกันการระเหยของน้ำกลั่นที่เดือดจากการใช้งาน ทำให้อัตราการสูญเสียน้ำกลั่นของแบตเตอรี่รุ่นนี้น้อยกว่าแบตเตอรี่ในรุ่น Maintenance Free ในตลาดปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแผ่นธาตุให้มีความหนาแน่นมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาแผ่นกั้นที่มีใยแก้วเพิ่มมากขึ้น สามารถทำปฏิกิริยาไฟฟ้าได้ดีขึ้น โดยบริษัทฯ ได้เปิดตัวแบตเตอรี่รุ่นใหม่นี้ให้กับกลุ่มผู้จำหน่ายแบตเตอรี่ GS เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้จำหน่าย
สำหรับ แผนงานในอนาคต ทางบริษัทเตรียมรุกตลาดแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ ECO CAR โดย GS ได้ร่วมกับ ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศวางแผนที่จะผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ ECO CAR ในสเปคที่เรียกว่า ISS (Idling Stop System) คือ สำหรับรถยนต์ ECO เมื่อรถยนต์หยุด เครื่องยนต์จะดับเพื่อเป็นการประหยัดน้ำมัน และลดไอเสียจากเครื่องยนต์ ขณะที่แบตเตอรี่จะทำหน้าที่จ่ายพลังไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์แทน และเมื่อเหยียบคันเร่ง เครื่องยนต์จะทำงานต่อไป เพราะฉะนั้นแบตเตอรี่ รุ่นนี้ จำเป็นต้องมีความจุที่ใหญ่ขึ้น เพราะต้องมีหน้าที่การจ่ายไฟที่แตกต่างจากแบตเตอรี่ทั่วไป
ขณะนี้ GS ได้ผลิตแบตเตอรี่รุ่นนี้ และส่งไปให้ GS Japan เพื่อทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ คาดว่าต้นปี 2554 GS จะเป็นแบตเตอรี่เจ้าแรก ที่มีความพร้อมสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ ECO CAR ในประเทศ โดยปัจจุบันแบตเตอรี่สำหรับรถ ECO CAR ยังคงนำเข้าจากญี่ปุ่นอยู่ ซึ่งคาดการณ์ว่า ไม่เกิน 2 ปี ตลาดรถยนต์ในเซกเม้นต์นี้ จะเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล ดังนั้น GS จึงเตรียมความพร้อม ในด้าน Innovation ของแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ระบบ ISS เพื่อรองรับตลาดรถยนต์ในอนาคตที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงทั้งในตลาด OEM และ REM
นอกจากนี้ GS ยังคงให้ความสำคัญกับกิจกรรม Free Inspection ซึ่งเป็นกิจกรรมให้บริการตรวจเช็คแบตเตอรี่ และระบบไฟให้กับผู้ใช้รถโดยตรงทั่วประเทศโดยจัดต่อเนื่องเป็นปีที่สอง นอกจากนี้ GS ยังได้เปิดให้บริการ “GS Friendly Station” ที่ปั๊มน้ำมันบางจากถนนเอกมัย เพื่อเป็นศูนย์ให้บริการ
นอกจากนี้ GS ยังคงให้ความสำคัญกับกิจกรรม Free Inspection ซึ่งเป็นกิจกรรมให้บริการตรวจเช็คแบตเตอรี่ และระบบไฟให้กับผู้ใช้รถโดยตรงทั่วประเทศโดยจัดต่อเนื่องเป็นปีที่สอง นอกจากนี้ GS ยังได้เปิดให้บริการ “GS Friendly Station” ที่ปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนเอกมัย เพื่อเป็นศูนย์ให้บริการตรวจเช็คแบตเตอรี่และระบบไฟฟรี ได้เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยให้บริการลูกค้าไปแล้วประมาณ 700 คัน และลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเป็นกลุ่มผู้ขับขี่รถยนต์ประมาณ 80% โดยเป็นกลุ่มคนทำงาน และพักอาศัยย่านเอกมัย, ทองหล่อ และสุขุมวิท
สำหรับ ไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทฯ มีแผนการจัดกิจกรรม Free Inspection ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยทีมช่างเทคนิคจาก GS แบตเตอรี่ และพร้อมให้บริการในเขตชุมชน สำหรับต่างจังหวัดในเดือนกันยายน จัดที่อยุธยา, สุพรรณบุรี, สระบุรี, นครสวรรค์ และในเดือนตุลาคม จะจัดพร้อมกันทั้งในเขตกรุงเทพฯ ที่โลตัส และคาร์ฟูร์ และต่างจังหวัดที่ชลบุรี, สมุทรสาคร, เพชรบุรี, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี และพัทลุง
จากนั้น นายศรันย์ กล่าวต่ออีกว่า จากผลการวิจัย และสำรวจร้านค้าปลีกจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ ทั่วประเทศ โดยบริษัท จีเอฟเค รีเทล แอนด์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย และสำรวจข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลก ซึ่งได้สำรวจร้านค้าปลีกทั่วประเทศในช่วงระหว่างวันที่ 14 — 30 มิถุนายน 2553 ซึ่งผลสำรวจพบว่า GS แบตเตอรี่ เป็นแบตเตอรี่ที่ขายดีอันดับ 1 ในประเทศไทย จากข้อมูลในด้านตัวเลขยอดขายของบริษัทฯ รวมทั้งผลสำรวจร้านค้าปลีกทั่วประเทศ เป็นสิ่งที่ชี้วัด ผลสำเร็จของ GS แบตเตอรี่ ได้เป็นอย่างดี โดยในปัจจุบันตลาดรวมแบตเตอรี่ในประเทศประมาณ 4,200,000 ลูก และ GS มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 42% เป้าหมายต่อไปของ GS สำหรับการขายในประเทศ คือ การมุ่งสู่ยอดขาย 2,000,000 ลูก ซึ่งจะทำให้ GS มีส่วนแบ่งการตลาดจาก 42% เพิ่มขึ้นเป็น 44% และยังคงเป็นผู้นำตลาดแบตเตอรี่ของประเทศไทยต่อไป….นายศรันย์ กล่าวในที่สุด
?
Public Relation
Siam Motors Co.,Ltd.
Tel.0-2215-3158,0-2215-3354