ปัจจุบันเอ็นเนซอลมีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ 5MW โดยมีสัญญาขายไฟฟ้าและความร้อนให้กับโรงงานผลิตกระเบื้องเซรามิค ระยะยาว 15 ปี และดำเนินการไปแล้วประมาณ 4 ปี เหลืออีก 11 ปี ได้มีการดำเนินงานเป็นปกติโดยมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
นายวุฒิชัยกล่าวเพิ่มเติม “บริษัท เอ็นเนซอล ได้รับงานใหม่เพิ่ม โดยได้เซ็นต์สัญญาขายไฟฟ้าและความร้อนตลอดสัญญา 15 ปี ทำให้บริษัทมีโครงการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อน (CO-GEN) รวม 2 โครงการ ทำให้เอ็นเนซอล (ENS) มีมูลค่างานที่เซ็นต์สัญญาไว้แล้วรวมมูลค่างานกว่า 5,000 ล้านบาท ตลอดสัญญา 15 ปี ซึ่งรายได้ของสัญญาใหม่จะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2554 และรายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% ตั้งแต่ต้นปี 2555 เป็นต้นไป นับว่าเป็นข่าวที่ดีสำหรับเอ็นเนซอล (ENS) และส่งผลลัพธ์ที่ดีต่อ CEN ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ จนได้รับการยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับผลประกอบการของเอ็นเนซอลในปี 2553 มีแนวโน้มการขยายตัวมาก และจะเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ในปี 2555”
ธุรกิจและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและความร้อน (CO-GEN-ENERGY) ที่บริษัทได้ทำมานั้นบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ดี คาดว่าจะมีลูกค้าที่ต้องการพลังงานดังกล่าว เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดต้นทุนให้กับลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมได้ บริษัทเอ็นเนซอลคาดว่าจะได้สัญญาขายไฟฟ้ากับความร้อนอีก 2-3 โครงการภายใน 2 ปี นอกจากจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อนแล้ว บริษัทฯ ยังได้ศึกษาเพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล, โซล่า และ Wind Turbine กังหันลมที่ใช้การผลิตไฟฟ้าร่วมกับบริษัทเอื้อวิทยา (UWC) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทในเครือ CEN เพื่อต่อยอดธุรกิจ
“CEN มีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตไปอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอด้วยดังนั้น คณะผู้บริหารของ CEN จึงพยายามมองหาลู่ทางในการทำธุรกิจและสร้างธุรกิจที่ดีให้กับบริษัทโดยหนึ่งในช่องทางนั้นก็คือการรุกสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งมั่นใจว่าเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจมาก ทั้งยังจะเป็นการสร้างฐานรายได้ใหม่ให้กับบริษัทและจะผลักดันให้ผลประกอบการของ CEN ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต” เขากล่าวในที่สุด