นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตจากสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ให้เป็นผู้แทนพระองค์ นำถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 1,000 ชุด ไปมอบแก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดราชบุรีและเพชรบุรี โดยจุดแรก ที่บ้านรางดอกอาว หมู่ 1 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี จำนวน 500 ชุด และ จุดที่ 2 ได้แก่ วัดบันไดทอง ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 500 ชุด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย และบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ซึ่งราษฎรที่มารอรับถุงยังชีพพระราชทานในครั้งนี้ ต่างรู้สึกปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์เป็นอย่างยิ่ง
สำหรับสถานการณ์อุทกภัย จังหวัดราชบุรี มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 7 อำเภอ 56 ตำบล 367 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองราชบุรี อำเภอจอมบึง อำเภอปากท่อ อำเภอบ้านคา อำเภอโพธาราม อำเภอสวนผึ้ง และอำเภอวัดเพลง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 6,916 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 77,651 ไร่ สิ่งสาธารณประโยชน์ 112 แห่ง ส่วนจังหวัดเพชรบุรีมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 8 อำเภอ 80 ตำบล 341 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอบ้านลาด อำเภอบ้านแหลม อำเภอแก่งกระจาน อำเภอชะอำ อำเภอหนองหญ้าปล้อง และอำเภอเขาย้อย พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 198,109 ไร่ สิ่งสาธารณประโยชน์113 แห่ง ทั้งนี้ คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และเพชรบุรี สถานการณ์อุทกภัยทั้ง 2 พื้นที่ จะเริ่มคลี่คลายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเร็วๆ นี้
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในจังหวัดราชบุรี และเพชรบุรี ว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดราชบุรีและจังหวัดเพชรบุรีได้ประสานความร่วมมือกับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย นำ เครื่องอุปโภค บริโภค ยารักษาโรค และถุงยังชีพ ไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย พร้อมจัดส่งเรือท้องแบน และเครื่องมืออุปกรณ์กู้ภัย สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในเบื้องต้นแล้ว ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบ กระทรวงการคลังโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือ ได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2243-2200 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมป้องกันฯ