กิ๊ฟ — นส.กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์ สาวเชียงใหม่ วัย 20 ปี เกิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2533 ลูกสาวคนโตของคุณพ่อวงศพัทธ์ ผู้จัดการโรงงานเครือซีเมนต์ไทย และคุณแม่พัทธนันท์ เจ้าของธุรกิจเพื่อสุขภาพ ผู้ให้การสนับสนุนและอยากให้กิ๊ฟเข้าประกวดบนเวทีนางสาวไทย ร่วมด้วยน้องชายอีก 1 คน ผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยเชียร์ให้กำลังใจพี่สาวคนสวย ซึ่งชื่อ “กฤชภร” แสนแก๋นั้น มีความหมายว่า “รัศมีของกริช” ในขณะที่ชื่อเล่นคุณพ่อเป็นผู้ตั้ง ที่มาจากภาษาอังกฤษ “Give” คือการให้ ให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน ให้แล้วได้กลับมามากกว่า ให้แล้วได้ความภูมิใจ โดยก่อนก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนางสาวไทย 2553 กิ๊ฟมีดีกรีความงามเป็นเครื่องการันตีมาแล้ว โดยเธอคว้าตำแหน่งเป็นนางสาวเชียงใหม่ 2553 เป็นความภูมิใจของชาวล้านนารวมถึงตัวเธอเอง ที่อยากสานต่อความฝันในการเป็นนางสาวเชียงใหม่คนแรกที่ได้เป็นนางสาวไทย เพราะยังไม่เคยมีนางสาวเชียงใหม่คนไหน ที่มาประกวดนางสาวไทยแล้วได้ตำแหน่งเลย
ด้วยบุคลิกที่เรียบร้อย กิริยามารยาทที่แสนนิ่มนวล อ่อนหวาน สมกับเป็นสาวเหนือ รวมถึงวัฒนธรรมประเพณีแบบชาวล้านนา ที่ปลูกฝังในเรื่องของคุณธรรมและจริยธรรม ที่หล่อหลอมให้กิ๊ฟเชื่อมั่นในเรื่องของการทำความดี เธอจึงตีโจทย์แนวคิดของการประกวดในปีนี้ “งามอย่างยั่งยืน” ได้อย่างลงตัวและเหมาะสมว่า “คือความงามที่อยู่บนพื้นฐานของจริยธรรม เพราะการดำเนินชีวิตอย่างมีจริยธรรม นอกจากชีวิตจะมีความสุข ยังทำให้จิตใจของเราแจ่มใส และต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อเรามีจิตที่แจ่มใส สดชื่น ความงามก็จะเผยออกมาจากภายใน ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น
ตามไปด้วยค่ะ” และจากความงามอย่างยั่งยืนนี้เอง ที่ทำให้กิ๊ฟยังคว้ารางวัลอื่นๆ บนเวทีการประกวดอีก 3 รางวัล อย่างไร้ข้อกังขา ได้แก่ รางวัลขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน , รางวัล Miss Intelligent และรางวัล Miss Body Perfect ที่เจ้าตัวเองยังออกปากว่าประหลาดใจมาก ไม่คิดว่าจะได้ เพราะทำทุกกิจกรรมในกองประกวดด้วยความตั้งใจ ใส่ใจกับทุกๆ เหตุการณ์ เพราะนี่คือประสบการณ์ใหม่ที่มีคุณค่า และน่าจดจำ จนกระทั่งในรอบ 3 คนสุดท้ายเมื่อ บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี นางสาวไทย 2543 ซึ่งเป็นพิธีกรของงานฯ ประกาศว่า หมายเลข 17 นส.กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์ เป็นนางสาวไทย ปี 2553 คนที่ 46 วินาทีสำคัญที่พลิกชีวิตกิ๊ฟให้กลายเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดของประเทศไทย เผยว่า “พอได้เสียงประกาศว่ากิ๊ฟเป็นนางสาวไทย รู้สึกดีใจมากค่ะ เพราะลึกๆ แอบคาดหวังไว้เช่นเดียวกัน สิ่งแรกที่คิดถึงคือคุณพ่อคุณแม่ ที่คอยสนับสนุนและเป็นกำลังใจที่ทำให้กิ๊ฟมายืนได้ ณ จุดนี้ได้ รวมทั้งกิ๊ฟได้ทำให้ความหวังของชาวเชียงใหม่ ที่อยากเห็นนางสาวเชียงใหม่ ได้เป็นนางสาวไทยสำเร็จแล้วค่ะ กิ๊ฟรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นคนแรกในการสร้างประวัติศาสตร์ ครั้งนี้ค่ะ
โดยหลังจากนี้ไป กิ๊ฟจะทุ่มเททั้งแรงกาย และใจ ทำงานช่วยเหลือสังคม ให้สมกับตำแหน่งที่ได้รับ และสาขาวิชาที่กิ๊ฟเรียนคือนิเทศศาสตร์ ซึ่งการประชาสัมพันธ์เป็นหนึ่งในวิชาที่กิ๊ฟได้เรียน กิ๊ฟจะนำความรู้ที่มีมาช่วยเป็นกระบอกเสียงในการช่วยเหลือสังคม ผู้ที่รอคอยความช่วยเหลือ โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน กิ๊ฟจะเริ่มจากปัจจัย 4 ก่อนเป็นหลัก จากนั้นจึงพัฒนาในเรื่องของคุณภาพทางการศึกษา โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน กิ๊ฟเชื่อว่าเด็กคือกำลังสำคัญของชาติในอนาคต หากมีการวางรากฐานด้านการศึกษาให้ดี เด็กไทยก็จะสามารถพัฒนาสู้กับเด็กชาติอื่นได้ และการศึกษายังจะช่วยต่อยอดในการพัฒนาด้านอื่นๆ ตามมาค่ะ
ความฝันของกิ๊ฟเมื่อเรียนจบ กิ๊ฟอยากมีธุรกิจส่วนตัว ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นธุรกิจที่ทำ สิ่งดีๆ กลับคืนสังคมด้วยเช่นกัน โดยอยากตั้งมูลนิธิเป็นของตัวเอง ซึ่งเวลานี้กิ๊ฟก็กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ค่ะ อยากรู้ถึงปัญหาว่าเวลานี้สังคมไทย กำลังเดือดร้อนกับปัญหาใด และปัญหาเรื่องใดที่ควรได้รับการแก้ไขก่อน” จากความคิดอ่านที่ต้องการเห็นเด็กไทยสามารถแข่งขันกับชาติอื่นได้ ซึ่งกิ๊ฟมีบุคลิกลักษณะที่คล้ายคลึงกับนางสาวไทยรุ่นพี่อย่าง ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ซึ่งตัวกิ๊ฟเองก็ชื่นชมในความฉลาด ปฏิภาณไหวพริบ รวมถึงบุคลิกที่สง่ามีความมั่นใจในแบบผู้หญิงไทย รวมถึงจิตใจที่ต้องการช่วยเหลือเด็กๆ
หลังจากรับตำแหน่งกิ๊ฟมีแพลนที่จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปทำบุญที่บ้านเกิด พร้อมทั้งเริ่มปฎิบัติภารกิจการเป็นนางสาวไทย ปี 2553 คนที่ 46 กิ๊ฟ — นส.กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์ ยังต้องดำรงตำแหน่ง “ทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว” และ “ทูตทางการค้า” เพื่อช่วยส่งเสริม สนับสนุน และเป็นแบบอย่างแห่งความดีงามให้แก่สังคม รวมทั้งช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ และสร้างชื่อเสียง ของประเทศไทย ให้โดดเด่น เป็นที่ประจักษ์ในสังคมโลกอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร.0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ภัควลัญชญ์