นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา กลุ่มนักลงทุนต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่มาจากฮ่องกงและสิงคโปร์ ติดต่อเข้ามายังบริษัทเพื่อประสงค์จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 15 หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของยอดขายคอนโดมิเนียมใหม่ในไตรมาสนี้ “จนถึงขณะนี้ ยอดขายคอนโดมิเนียมใหม่และคอนโดมิเนียมมือสองที่ขายผ่านพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในไตรมาสนี้ มีตัวเลขสูงถึง 50 ล้านบาทแล้ว ผู้ซื้อส่วนใหญ่จากฮ่องกงและสิงคโปร์ต่างมองกรุงเทพฯ เป็นเป้าหมายใหม่ เนื่องจากราคาตลาดที่อยู่อาศัยภายในประเทศของตนนั้นมีราคาสูงเกินจริงท่ามกลางการแข่งขันที่ร้อนแรง ประกอบกับความวิตกที่ว่ารัฐบาลจะยื่นมือเข้ามาจัดการกับราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ในประเทศฮ่องกง ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ในปีที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลตัดสินใจจำกัดการกู้ยืมของบุคคลทั่วไปสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก โดยกำหนดอัตราส่วนการวางเงินดาวน์ที่สูงขึ้นสำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลังที่สองและสาม ในขณะที่สิงคโปร์เองก็ประสบภาวะราคาพุ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกัน รัฐบาลจึงบังคับให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เรียกเก็บเงินค่างวดตามความคืบหน้าของโครงการ ในกรณีที่คอนโดมิเนียมถูกขายไปในระหว่างการก่อสร้าง หรือโครงการที่เพิ่งเปิดตัวใหม่มีการขายก่อนลงมือสร้าง “ผู้ซื้อชาวฮ่องกงและสิงคโปร์นั้นแม้ว่าจะมีกำลังซื้อสูง แต่เนื่องจากถูกจำกัดการซื้อสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศของตน จึงเบนเป้าหมายมุ่งมาที่กรุงเทพฯ และนำเงินดังกล่าวมาลงทุนในคอนโดหรูซึ่งอยู่ในทำเลศักยภาพ ในฮ่องกงราคาคอนโดมิเนียมโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 400,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งไม่ต่างจากสิงคโปร์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ซื้อซึ่งคุ้นเคยกับราคาระดับนี้จะมองว่าประเทศไทยเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยราคาเฉลี่ยจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจะอยู่ที่ประมาณ 80,000 บาทต่อตารางเมตร แม้แต่โครงการพัฒนาระดับหรูในทำเลอย่างเพลินจิต ราคาเฉลี่ยยังอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในฮ่องกงถึงครึ่งต่อครึ่งทีเดียว” นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กล่าว
สำหรับมุมมองเกี่ยวกับภาพรวมตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำนั้น นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กล่าวเสริมในประเด็นดังกล่าวว่า “เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ส่งเสริมตลาดระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียนับว่ามีเงินสดแพร่สะพัด เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ของโลก และคอนโดมิเนียมทำเลดีในกรุงเทพฯ ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในขณะที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าซื้อมาด้วยราคาเพียงหนึ่งในสามของราคาในฮ่องกงหรือสิงคโปร์ อัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะสูงขึ้น ไม่ได้สร้างความหนักใจให้แก่ผู้ซื้อชาวฮ่องกงและสิงคโปร์มากนัก เนื่องจากผู้ซื้อเหล่านี้มักจะจ่ายเป็นเงินสด ในขณะที่ผู้ซื้อที่ทำการกู้เงินก็ได้คำนึงถึงปัจจัยอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ในช่วงสองปีข้างหน้าไว้แล้วด้วย”
ที่มา: ธนาคารและบริษัทตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในฮ่องกง