ตามที่ปรากฎข่าวในสื่อมวลชน ซึ่งนำเสนอผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการทุจริตในภาคธุรกิจไทย โดยระบุว่า พบการทุจริตในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมากที่สุด โดยอ้างอิงจำนวนรายการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ข้อมูลที่มีการอ้างอิงนั้นเป็นข้อมูลที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ ของสำนักงาน ก.ล.ต. เกี่ยวกับจำนวนรายการที่มีการดำเนินการเปรียบเทียบปรับโดย สำนักงาน ก.ล.ต. กับหน่วยงานและบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงาน ก.ล.ต. ไม่ได้เป็นกรณีที่เกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ไม่ได้เป็นการทุจริตทุกกรณี
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต. ) มีหลักเกณฑ์และระบบการเปิดเผยข้อมูลบริษัทจดทะเบียนต่อผู้ลงทุน รวมทั้งมีระบบตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพในระดับแนวหน้า ในขณะที่บริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่มีกระบวนการตรวจสอบและการเปิดเผยข้อมูล ที่เหมาะสม จึงขาดข้อมูลที่ชัดเจนสำหรับการตรวจสอบ ดังนั้น การรายงานว่าพบการทุจริตในตลาดหลักทรัพย์ฯ มากที่สุด โดยการเปรียบเทียบข้อมูลกับหน่วยงานอื่น จึงเป็นการเปรียบเทียบข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูล เพื่อเปิดเผยข้อมูลที่มีความสำคัญแก่ผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีกระบวนการติดตามการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้กำหนดลำดับขั้นของความเข้มข้นในกระบวนการติดตามข้อมูลที่สำคัญ ที่จะทำให้ผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน โดยในกรณีที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทหรือผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประสานงานในการตรวจสอบร่วมกับ สำนักงาน ก.ล.ต. เช่นเดียวกับกรณีที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผิดปกติ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลส่งให้สำนักงาน ก.ล.ต. พิจารณาตามขั้นตอน โดยมีบทลงโทษอย่างชัดเจน
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความสำคัญต่อการยกระดับบรรษัทภิบาลของบริษัทจดทะเบียน ในการดูแลให้บริษัทจดทะเบียนมีการดำเนินงานด้วยความโปร่งใส และมีการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิผล และไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่จะพัฒนาการทำงานอย่างเข้มข้นต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง และ เชื่อมั่นว่าถ้าบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น จะทำให้ระดับบรรษัทภิบาลของธุรกิจไทยเข้มแข็งขึ้น และจะช่วยลดปัญหาคอรัปชั่นของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายจรัมพรกล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222
สื่อมวลชนติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์
ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ 0-2229—2036/กนกวรรณ เข็มมาลัย 0-2229—2048/ ณัฐยา เมืองแมน. 0-2229-2043