โดยประเด็นสำคัญในการเข้าหารือกันในครั้งนี้ ทางคณะผู้บริหารจาก บีอีซีเวิลด์ นำโดยนายประสาร มาลีนนท์ นายไบรอัน มาร์คา มีความต้องการที่จะให้สนามเทพหัสดิน เป็นสนามเหย้าของทีม “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน ซึ่งเล่นอยู่ใน สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีค โดยจะขอเช่าจากกรมพลศึกษา ซึ่งจะหารือกับตัวแทนผู้รับผิดชอบฝ่ายกีฬาสถาน ของกรมพลศึกษา ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ น่าจะได้ข้อสรุปภายในอาทิตย์หน้า นอกจากนี้ยังมีแนวความคิดที่จะเนรมิตสนามจินดารักษ์ ซึ่งตอนนี้พื้นสนามเป็นทราย และใช้เป็นที่ฝึกซ้อมกีฬาบีชเกมส์ ให้เป็นสนามฝึกซ้อมของทีม โดยจะปูหญ้าจริงลงไป คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานภายใน 3 เดือน หากได้รับการอนุมัติจากกรมพลศึกษา
นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตนเองรู้สึกยินดี ที่ภาคเอกชนเล็งเห็นถึงความสำคัญของสนามกีฬาแห่งชาติที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น สนามเทพหัสดิน อาคารกีฬานิมิบุตร อาคารจันทนยิ่งยง และสระว่ายน้ำวิสุทธารมณ์ สามารถพัฒนาทั้งในด้านของภาพลักษณ์ และปรับภูมิทัศน์ ให้เป็นศูนย์กีฬาที่ทันสมัย พร้อมสำหรับต้อนรับเยาวชน และประชาชน เข้ามาใช้บริการของสนามกีฬา ลานกีฬา และในเรื่องของการเล่น ชมและเชียร์ กีฬา และนันทนาการต่างๆ ของกรมพลศึกษา ซึ่งในปัจจุบัน มีประชาชน เข้ามาใช้บริการ จำนวนกว่า 30,000 คน ต่อวัน ในส่วนของการใช้สนามเทพหัสดิน เป็นสนามประจำที่ใช้ในการแข่งขันของทีม บีอีซี เทโรศาสน นั้น สามารถทำได้ แต่จะต้องหารือกัน ทั้งในเรื่องของ ระยะเวลาว่าจะนานเท่าใด อาจจะเป็นสัญญาปีต่อปี และพิจารณาถึงช่วงเวลาในการขอใช้สนาม ซึ่งสนามเทพหัสดินนั้น มีผู้มาขอใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งในด้านของกีฬา คือจัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียน การจัดการแข่งขันกีฬาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ และในด้านนันทนาการต่างๆ เช่น การแข่งขันประกวดวงโยธวาทิต เป็นต้น หากได้ข้อสรุปแล้ว จะร่วมกันลงนามในบันทึกช่วยจำ (MOU) ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับทาง ทีม บีอีซี เทโรศาสน อีกครั้งหนึ่ง โดยตนมีความเห็นว่า อาจจะได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวภายในเดือนธันวาคม 2553 นี้