ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 17 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

อังคาร ๐๙ พฤศจิกายน ๒๐๑๐ ๑๖:๑๑
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 17 ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2553 ณ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โดยมีนายโยชิฮิโกะโนดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเป็นประธานการประชุม ผลการป ระชุมที่สำคัญสรุปได้ดังนี้

1. ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการด้านเศรษฐกิจการเงินในภูมิภาค โดยได้เน้นความสำคัญต่อการกำหนดแนวนโยบายเพื่อให้เกิดการเจริญเติบโตที่เข้มแข็งสมดุลและยั่งยืน ที่ประชุมเห็นว่า เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากปัญหาวิกฤตการเงินโลกแล้ว ต่มีการฟื้นตัวในระดับที่ไม่เท่าเทียมกัน โดยประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียมีการฟื้นตัวที่ดีและรวดเร็วกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว และยังมีความเสี่ยงในบางประการ อาทิ ความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนและราคาหลักทรัพย์ การคงอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่สะท้อนพื้นฐานที่แท้จริงของเศรษฐกิจ และความไม่สมดุลต่างๆ

2. สมาชิกเอเปคยืนยันที่จะสนับสนุนการเปิดตลาดและต่อต้านการกีดกันทางการค้า (Protectionsim) พร้อมกับสนับสนุนข้อสรุปของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G20 ครั้งล่าสุด และจะเสริมสร้างความร่วมมือระดับพหุภาคีใ ้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระดับภูมิภาค และแต่ละเขตเศรษฐกิจต้องร่วมมือกันที่จะดำเนินนโยบายเพื่อช่วยลดความไม่สมดุลที่มากเกินไป รวมถึงรักษาระดับความไม่สมดุลของดุลบัญชีเดินสะพัดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ จะดำเนินการปฏิรูปทางโครงสร้าง และส่งเสริมการสร้างงานต่อไป

3. ที่ประชุมได้เห็นชอบรายงาน “The Kyoto Report on Growth Strategy and Finance” ซึ่งได้จำแนกความสำคัญของการนำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตอย่างเข้มแข็ง ยั่งยืน และสมดุล แบ่งออกเป็น การปรับสมดุลของอุปสงค์โลก การบริหารจัดการด้านการคลังที่เข้มแข็ง ละการจัดหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมแก่ภาคสำคัญต่างๆ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ประชาชนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ไปจนถึงโครงการที่สนับสนุนการเจริญเติบโตสีเขียว โดยที่ประชุมจะนำเสนอรายงานดังกล่าวต่อการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคเพื่อหารือภายใต้หัวข้อ APEC Leaders’ Growth Strategy ในระหว่างวันที่ 13-14 พฤ จิกายน 2553 ณ เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น

4. ที่ประชุมเห็นว่าเขตเศรษฐกิจที่ประสบปัญหาดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลควรสนับสนุนให้เกิดการออมภายในประเทศ และปรับลดการขาดดุลการคลังเพื่อให้สู่ระดับสมดุลในระยะปานกลาง ส่วนประเทศที่มีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลควรลดการพึ่งพาอุปสงค์ภายนอก ละเน้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ สมาชิกเอเปคจะดำเนินการเพื่อก้าวไปสู่ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดโดยกลไกตลาด และไม่แข่งขันกันลดค่าเงิน ทั้งนี้ เขตเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าแล้ว ควรระแวดระวังไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนมากเกินไปหรือเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ

5. ที่ประชุมตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานในรูปแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private-Partnership: PPP)ว่าเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพ บรรเทาความยากจน และปรับปรุงการเข้าถึงระบบก รให้บริการทางสังคมให้ดีขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้เริ่มดำเนินโครงการริเริ่ม APEC Financial Inclusion Initiative เพื่อพิจารณาหาแนวทางที่ภาครัฐจะสามารถเข้าไปมีส่วนช่วยพัฒนารูปแบบการให้บริการทางการเงินแก่ผู้ที่ประสบปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวย้ำว่า การประชุมครั้งนี้ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับ 2 หัวข้อหลัก ได้แก่ การพัฒนาโครงการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) และการพัฒนาแหล่งเงินทุนฐานราก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน โดยในด้าน PPP ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ประเทศไทยอยู่ระหว่างการแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานห รือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 เพื่อลดระยะเวลาในการขออนุญาต และเห็นว่า สมาชิกเอเปคควรร่วมกันจัดทำกรอบกฎหมายในเรื่องนี้ เพื่อให้มีขั้นตอนการพิจารณาโครงการ PPP ที่สอดคล้องกัน ซึ่งนอกจากจะอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนแล้ว ยังช่วยให้สมาชิกมีกฎหมายที่เป็นมาตรฐานสากลอีกด้วย ส่วนด้านการพัฒนาแหล่งท ุนเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินนั้น ได้ดำเนินการไประดับหนึ่งแล้ว อาทิ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และการสร้างโครงข่ายเงินทุนฐานราก (Microfinance) เป็นต้น จึงสนับสนุนการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน โดยองค์กรสำคัญที่จะเป็นสื่อกลางในการให ความช่วยเหลือใน 2 เรื่องนี้ก็คือ ธนาคารโลก

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ติดตามสถานการณ์และแนวโน้มการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในอนาคต รวมทั้งพิจารณาหาแนวทางความร่วมม อทางด้านการเงินในประเด็นต่างๆ อาทิ การสนับสนุนโครงการ PPP และการกำหนดโครงสร้างในการตอบโจทย์เรื่องภาวะโลกร้อน เพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยลดภาระด้านงบประมาณในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เช่น การชดเชยผ่านระบบประกัน เป็นต้น

ในการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค 21 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วมการประชุม ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี สาธารณรัฐประชาชนจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง อินโดนีเซีย สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลน ์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงค์โปร์ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมทั้งผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย และกรรมการผู้จัดการธนาคารโลก

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

สำนักนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร 02-2739020 ต่อ 3669

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version