นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การระดมทุนครั้งนี้ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ของกลุ่มปตท. เนื่องจากเป็นบริษัทไทยรายแรกที่ระดมทุนจากตลาดทุนอิสลาม ซึ่งเราหวังว่าการเสนอขายพันธบัตรอิสลามครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนไทยหันมาสนใจระดมทุนผ่านตลาดอิสลาม ทั้งจากตลาดในประเทศไทยและต่างประเทศ”
การเสนอขายพันธบัตรอิสลามชุดนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ AAA ซึ่งเป็นระดับความน่าเชื่อถือสูงสุดในมาเลเซียจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือมาเลเซีย เรตติ้ง คอร์เปอร์เรชั่น เบอร์ฮาด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินมาชำระคืนเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐของผู้ถือหุ้น และใช้จ่ายในโครงการสร้างระบบท่อส่งก๊าซ ซึ่งเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ไปตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีต้นทุนต่ำกว่า 4% ต่อปี ภายหลังการแปลงหนี้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นต้นทุนทางการเงินที่ต่ำสำหรับการระดมทุนในระยะยาวสำหรับโครงการในลักษณะนี้
บริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทที่มี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปิโตเลียม เนชั่นแนล เบอร์ฮาด (เปโตรนาส) ถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากัน โดยก่อตั้งขึ้นเพื่อบริหารจัดการและดำเนินงานโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งขนส่งก๊าซธรรมชาติในเขตพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (The Malaysia-Thailand Joint Development Area : JDA) มายังประเทศไทยและมาเลเซีย ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ
นายมานพ รัตนศุภานุสรณ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โครงการท่อส่งก๊าซระหว่างไทย-มาเลเซีย เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและมาเลเซีย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2521 เพื่อพัฒนาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย หรือ JDA ซึ่งมีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยเบื้องหลังความสำเร็จของการออกพันธบัตรอิสลามครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีผู้ถือหุ้นที่เข้มแข็งคือ ปตท.และเปโตรนาส และแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ชำระหนี้มาจาก ปตท.ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการรายเดียวของโครงการนี้”
ธนาคารซีไอเอ็มบี และเอชเอสบีซี ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการ และผู้จัดจำหน่ายร่วมสำหรับการเสนอขายพันธบัตรอิสลามครั้งนี้
โทรศัพท์ 0-2537-2159 โทรสาร 0-2537-2171
ฝ่ายสื่อสารองค์กร ปตท.