นายสมพงษ์ ตันเจริญผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการบริหารสถาบันฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหาเรื่องขยะมูลฝอยกลายเป็นประเด็นสำคัญ ไม่ว่าจะด้วยภาวะโลกร้อนหรือเป็นกระแสของโลกก็ตาม จึงส่งผลให้ทุกภาคส่วนหันมาให้ความสำคัญในการจัดการขยะกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ต่างก็ดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษในปี 2551 ปริมาณขยะเกิดขึ้น 15.03 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากเดิมเมื่อเทียบกับปี 2550 ประมาณ 0.26 ล้านตัน หรือร้อยละ 1.82 ของปริมาณขยะที่เกิดขึ้น ในขณะที่มีการนำกลับมาใช้ใหม่เพียงร้อยละ 21 ของปริมาณขยะที่เกิดขึ้นเท่านั้น โดยสังเกตได้ว่าปริมาณขยะที่เกิดขึ้นค่อนข้างมากและมีผลต่อการนำไปกำจัด ซึ่งประเทศไทยมักนิยมนำไปกำจัดด้วยวิธีการเทกอง ฝังกลบ หรือการเผา หากมีการจัดการที่ไม่ดีหรือไม่เหมาะสม จะส่งผลกระทบต่อคน สัตว์ หรือสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ได้ ดังนั้นแนวทางหนึ่งในการส่งเสริมให้มีการจัดการขยะอย่างถูกต้องด้วยการใช้หลัก 3R คือการลด (Reduce) การนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) หรือการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) จึงเป็นแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสม
สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรหนึ่งที่มีภารกิจในการลดบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วเพื่อไม่ให้เป็นมลภาวะกับสิ่งแวดล้อมและลดภาระในการกำจัดให้กับองค์กรที่เกี่ยวข้อง โดยการส่งเสริมการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางให้กับทุกภาคส่วนภายใต้โครงการที่ส่งเสริมการคัดแยกขยะมูลฝอยและวัสดุรีไซเคิลรวมทั้งการสร้างองค์ความรู้ในการจัดการขยะประกอบด้วย 1) โครงการจัดตั้งธนาคารวัสดุรีไซเคิลในชุมชน 2) โครงการส่งเสริมการจัดการวัสดุรีไซเคิลในระดับเทศบาล 3) โครงการส่งเสริมการจัดการวัสดุรีไซเคิลในสถาบันอุดมศึกษา 4) โครงการจัดตั้งศูนย์วัสดุรีไซเคิลของกลุ่มอาชีพซาเล้ง 5) โครงการส่งเสริมการจัดตั้งระบบคัดแยกและจัดเก็บวัสดุ รีไซเคิลในหมู่บ้านจัดสรร และ 6) โครงการจัดการวัสดุรีไซเคิลในสำนักงาน
“จากผลการดำเนินโครงการต่างๆ ที่ผ่านมาได้ส่งผลให้เกิดประโยชน์ 3 ด้านได้แก่ 1) มูลค่าทางเศรษฐกิจ ได้แก่การสร้างรายได้กว่า 18,180 ล้านบาท ลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดมูลฝอยได้กว่า 2,424 ล้านบาท 2) ด้านสังคม ได้แก่ การสร้างงานได้กว่า 100,000 คน และยกระดับคุณภาพชีวิต และ 3) ด้านสิ่งแวดล้อม เป็นการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและประหยัดพลังงาน และการเกิดมลพิษ เนื่องจากมีการนำกลับมาใช้ใหม่ ทำให้ลดการสูญเสียใช้ทรัพยากรและพลังงานในการผลิตบรรจุภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ และสถาบันฯ ยังคงดำเนินภารกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังที่จะให้ประชาชนทุกวัย ทั้งเยาวชน ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุเล็งเห็นความสำคัญและเกิดความตระหนักในการจัดการขยะก่อนที่จะทิ้ง”นายสมพงษ์ฯ กล่าว
สำหรับในปี 2554 สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม กำหนดจัดกิจกรรม TIPMSE Recycle Day เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงานของสถาบันฯ ให้ทุกภาคส่วนได้ทราบ ภายใต้ชื่อ “84 พรรษา 84 ล้านกิโลกรัม ร่วมใจรีไซเคิลเพื่อพ่อ” เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบรอบ 84 พรรษา ในปี 2554 โดยจะประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้ประชาชนรวบรวมวัสดุรีไซเคิลมาร่วมโครงการ โดยมีเป้าหมายที่ 84,000 ตันหรือ 84 ล้านกิโลกรัมภายในระยะเวลา 1 ปี และด้วยเป้าหมายดังกล่าวจะสำเร็จได้ หากเกิดจากความร่วมมือ ร่วมใจจากทุกคนหรือทุกหน่วยงาน ในการรวบรวมวัสดุรีไซเคิลหรือการคัดแยกวัสดุรีไซเคิลในครัวเรือน สำนักงาน สถาบันการศึกษา ชุมชน โดยการจัดสรรรายได้จะขึ้นกับแต่ละแห่ง หรือสามารถนำมาร่วมกับโครงการฯ เพื่อบริจาคให้องค์กรการกุศลได้ด้วย ซึ่งรายได้จากการขายวัสดุรีไซเคิลที่รวบรวมได้ในวันแถลงข่าวและเปิดตัวโครงการ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2553 สถาบันฯ จะมอบให้องค์กรการกุศลต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายสื่อสารการตลาด สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์ฝ่ายประชาสัมพันธ์
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม
โทร. 0-2345-1017 โทรสาร 0-2345-1296-8 โทร. 0-2272-1552-3 โทรสาร 0-2272-1551