นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ออกกฏกระทรวง ฉบับที่ 277 (พ.ศ.2533) ให้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินของสมาชิกกบข. ที่ออกจากราชการก่อนเกษียณแต่ได้คงเงินเต็มจำนวนให้กบข. บริหารและมาถอนออกไปเมื่อเกษียณ กฎกระทรวงดังกล่าวเป็นประกาศเพิ่มเติมจากที่ใช้บังคับอยู่เดิมซึ่งกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้เฉพาะกรณีข้าราชการออกจากราชการเมื่อเกษียณหรือเกษียณก่อนกำหนด (Early Retire)หรือออกจากราชการด้วยเหตุ เสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือทดแทนเพราะตำแหน่งงานที่ทำอยู่ถูกยกเลิกเท่านั้น กฎกระทรวงฉบับใหม่นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป ทำให้สมาชิกกบข.สามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีได้ในปีภาษีนี้
“การยกเว้นภาษีเงินได้ของกฏกระทรวงใหม่นี้เป็นประโยชน์กับสมาชิกกบข. มาก เพราะหากสมาชิกลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุเพื่อไปทำงานในภาคเอกชนหรือประกอบอาชีพอิสระและคงเงินเต็มจำนวนให้ กบข.บริหารต่อก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับเงินที่ได้รับจากกบข. โดยมีเงื่อนไขมาถอนออกเมื่ออายุครบ 60 ปี ซึ่งนับว่านอกจากจะได้รับยกเว้นภาษีแล้ว ยังสามารถออมต่อเพื่อรับผลประโยชน์ไว้ใช้ยามเกษียณด้วย” นางสาวโสภาวดี กล่าว
เกี่ยวกับ กบข. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จัดตั้งขึ้นตาม พรบ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 เพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำเหน็จบำนาญและให้ประโยชน์ตอบแทนการรับราชการแก่ข้าราชการเมื่อออกจากราชการ ส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิก และจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นให้แก่สมาชิก กบข. มีสถานะเป็นองค์กรของรัฐจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะไม่มีสถานะเป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ มีคณะกรรมการ กบข.เป็นผู้กำหนดนโยบาย ปัจจุบัน กบข.มีสมาชิกกว่า 1.2 ล้านคน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิประมาณ 485,000 ล้านบาท
ติดต่อฝ่ายสื่อสารสมาชิก ปุณยนุช จันทศร / เรืองอุไร เพชรสังข์ / ปิยะณัฐ สวนอภัย โทร. 02 636 1000 ต่อ 263 / 267 / 254