นางเกษมา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองกรรมการบริหาร บริษัท สุวรรณ ราชพฤกษ์ ปาร์ค จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ เดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์ นับเป็นโครงการตลาดค้าปลีกแนวใหม่แห่งแรกของบริษัทฯ และเป็นความภาคภูมิใจที่ บริษัทฯ ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ ด้วยการสร้างศูนย์การค้าแบบเปิด ในคอนเซ็ปต์ “ไลฟ์สไตล์ ซิตี้” (Lifestyle City) แห่งแรกในเมืองไทย ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 21 ไร่
โดยจุดเริ่มต้นของการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกแนวใหม่นี้ เกิดจากการเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของย่าน ราชพฤกษ์ ซึ่งมีจุดเชื่อมต่อกับถนนสายหลักๆ หลายสาย ได้แก่ ถนนรัชดาภิเษก-สาทร-ตากสิน, ถนนปิ่นเกล้า- บรมราชชนนี-พุทธมณฑล, ถนนเพชรเกษม, ถนนพระรามห้า-นครอินทร์ และถนนวงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นถนนสายเศรษฐกิจเส้นใหม่ รองรับการเจริญเติบโตของกรุงเทพมหานคร ฝั่งธนบุรี เส้นทางที่คับคั่งด้วยปริมาณการจราจรมากกว่า 80,000 คันต่อวัน อีกทั้งมีประชากรและโครงการบ้านจัดสรรระดับพรีเมี่ยมจำนวนมาก แต่ยังไม่มีธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่จะตอบสนองความต้องการของประชากรในย่านนี้ได้อย่างครบวงจร นอกจากนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีแดงก็มีแผนที่จะขยายมายังพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อการคมนาคมของย่านนี้ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ มั่นใจเหลือเกินว่า โครงการเดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์ จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าในย่านนี้ รวมถึงผู้ที่สัญจรไปมา เพราะจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการจับจ่ายซื้อของ อีกทั้งยังเป็นแหล่งพักผ่อนรูปแบบใหม่ที่โดดเด่น สามารถที่จะมาเดินเล่น รับประทานอาหาร หรือช้อปปิ้งร้านค้าแบรนด์ที่มีชื่อเสียงต่างๆ กว่า 200 ร้าน ในทุกๆ วัน รวมทั้งในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้อีกด้วย
นางเกษมา กล่าวว่า “ณ วันนี้ เดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์ ถือว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวโครงการ เพราะมีร้านค้า และผู้ให้บริการในแบรนด์ดังต่างๆ มากมายจองพื้นที่แล้วถึง 85% อาทิเช่น แมคคาเฟ่, สตาร์บัคส์, ท็อปส์ เดลี่, เอสแอนด์พี แด๊ดดี้ โด, ร้านอาหารสีฟ้า, วีรสุและวิสต้าคาเฟ่, บานาน่าลีฟ, แพนเค้ก คาเฟ่, เอ็มเค เรสเตอรองค์ และร้าน Ka-Nom เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับการช็อปปิ้งและการเลือกใช้บริการต่างๆ อย่างไม่รู้เบื่อ นอกจากนี้ โครงการฯ ยังมีที่จอดรถขนาดใหญ่กว่า 500 คัน และรองรับรถได้มากกว่า 2,000 คันต่อวัน ให้ความสะดวกสบายกับผู้มาจับจ่ายและใช้บริการ โดยตั้งเป้าหมายไว้ไม่ต่ำกว่าวันละ 10,000 คน”
“นอกจากนี้ เดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์ ยังมีจุดเด่นที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ อยู่หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสถาปัตยกรรมที่ได้ไอเดียของคุณสมิตร โอบายะวาทย์ บริษัท สถาปนิกกรุงเทพ จำกัด ดีไซน์อาคารมาใน 3 สไตล์ ประกอบด้วย Thai Heritage, European, และ Modern ที่ทำให้เกิดความตื่นตาตื่นใจ ไม่จำเจ ในคอนเซ็ปต์ Lifestyle City ที่ออกแบบให้ทุกร้านค้ามีอาคารเป็นอิสระของตัวเอง ทุกร้านอยู่ชั้นกราวน์ฟลอร์ อีกทั้งบรรยากาศโดยรอบของโครงการที่เน้นธรรมชาติ ด้วยฝีมือของนักออกแบบ landscape มากประสบการณ์อย่างคุณภาสกร สุวรรณสิงห์ บริษัท เอพลัสแอล จำกัด สร้างความร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่นานาชนิดกว่า 100 ต้น เป็นไม้ที่แปลกตาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละพันธุ์ เพื่อนำมาใช้เป็นชื่อถนน และลานกิจกรรมต่างๆ ตัวอย่างเช่น ต้นกร่าง หรือ Banyan tree, จิกน้ำ หรือ Indian Oak, กระพี้จั่น Milettia, โมกมันหรือ Ivory, ขานาง Lancewood เป็นต้น และยังได้มีการนำต้นรักแรกพบ หรือ Golden Penda มาใช้ตกแต่งกลางบ่อน้ำ เป็น Fountain Sculpture Tree เป็นจุดดึงดูดความสนใจให้แก่ลูกค้าที่มาเที่ยวได้อีกด้วย” นางเกษมา กล่าวต่อ
สำหรับการจัดโซนร้านค้าภายในโครงการเดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์ ได้จัดตามประเภทร้านค้า เพื่อช่วยให้ลูกค้าเลือกหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย แบ่งออกเป็น 5 โซน ได้แก่ 1) Chic Caf?&Bakery 2) Fashion&Beauty 3) Education&Kids 4) Services&Bank และ 5) Sport, Technology&Entertainment รวมถึงลานกิจกรรมขนาดใหญ่ถึง 3 ลาน ได้แก่ Ivory Plaza, Motion Square และ Family Space สำหรับใช้จัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งการส่งเสริมการขายอีเว้นท์ ต่างๆ ตลอดทั้งปี
“บริษัทฯ มั่นใจว่าโครงการเดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์ จะประสบความสำเร็จ ทั้งในแง่การลงทุน ซึ่งเชื่อว่าจะมีมูลค่าทางธุรกิจหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี และจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 7 ปี และบริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ “เดอะ เซอร์เคิล” ให้เป็นที่จดจำในตลาดอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมการตลาดมากมาย รวมทั้งกิจกรรม CSR ที่เน้นการสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนใกล้เคียง ภายใต้แคมเปญ Spread The Circle of Love โดยกิจกรรมแรกคือ โครงการแบ่งปันไออุ่นแห่งรัก ซึ่งเดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์จะเป็นศูนย์กลางการรับบริจาคเสื้อกันหนาวให้กับเด็กๆ ที่ขาดแคลน และยังวางแผนจะสานต่อโครงการสนับสนุนชุมชนต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี
โดยขณะนี้ ร้านค้าในเฟส 1 ที่ได้เริ่มเปิดให้บริการแล้ว คือ แมคคาเฟ่ ไดร์ฟทรู 24 ชั่วโมง และท็อปส์ เดลี่ 24 ชั่วโมงและพื้นที่บริการในเฟส 1 จะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้ ได้แก่ แดดดี้ โด, มิส มามอน, เคทีซี ทัช, อินทัช เฮลตี้, ร้านอาหารสีฟ้า, ร้านอาหารคิมจู และไนท์ตี้ โฟร์ คอฟฟี่ และทั้งโครงการฯ จะสามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ใน ต้นปี 2554” นางเกษมา กล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ชัยวัฒน์ สิมะวัฒนา / พรพรรณ ฉวีวรรณ
บริษัท พีอาร์ พีเดีย จำกัด
โทร 02-438-9945