(1) ข้อ 15 ที่ให้มีผู้แทนกระทรวงพลังงานที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงพลังงาน จำนวน 2 คน เป็นกรรมการภาครัฐโดยตำแหน่ง ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ที่สำคัญของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550
(2) ประเด็นข้อ 18 การที่กำหนดให้ กกพ. พิจารณาแต่งตั้งประธาน คพรฟ. และรองประธาน คพรฟ. คนหนึ่งจากผู้แทนภาครัฐ และรองประธานอีกคนหนึ่งให้แต่งตั้งจากผู้แทนภาคประชาชนที่ได้รับการคัดเลือกจากผู้แทนภาคประชาชนนั้น ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของร่างระเบียบกองทุนพัฒนาไฟฟ้าฯ ร่างที่ 2 และ 3 ที่ต้องการให้ผู้ที่ได้รับเลือกเป็น คพรฟ. ภาคส่วนต่างๆ เลือกประธาน คพรฟ. และรองประธาน คพรฟ. กันเอง และหากกรณีนี้เป็นว่าตัวแทนกระทรวงพลังงานได้รับการแต่งตั้งจาก กกพ. เป็นประธาน คพรฟ. หรือรองประธาน คพรฟ. จะทำให้ผิดจากเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ด้วย และอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง หรืออาจนำไปสู่การฟ้องร้องซึ่งส่งผลกระทบต่อ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ด้วย
(3) ข้อ 7 ประกอบข้อ 53 ที่ให้บุคคลที่เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบล ในพื้นที่ประกาศนั้น ตกลงร่วมกันส่งผู้แทนมาจำนวนไม่เกินสามคน เป็นผู้บริหารเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ ตามหลักเกณฑ์ที่ กกพ. กำหนด ผิดหลักการมีส่วนร่วมที่ กกพ. มอบให้คณะทำงานฯ ในการยกร่างระเบียบฯ ที่ส่งเสริมให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบมีส่วนในการ ร่วมบริหารจัดการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ
หลังจากยื่นหนังสือ และประชุมหารือกันเบื้องต้น ทางนายกวิน ทังสุพานิช ได้แจ้งให้ผู้มายื่นหนังสือคัดค้านว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อพิจารณาและจะนัดหมายตัวแทนคณะทำงานยกร่างฯ ทั้ง 20 คน เข้าพบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ในสัปดาห์หน้าจะนัดหมายวัน เวลา สถานที่ ให้แก่ตัวแทนฯ ทราบต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 032 327250 นภาภัช อินทร์เกตุ