นายปิยะ ซอโสตถิกุล กรรมการบริหารเครือซีคอน กล่าว “ปัจจุบันภาวะการท่องเที่ยวใน จ. ภูเก็ต ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้วโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ เช่น ชาวรัสเซีย ออสเตรเลียหรือตะวันออกกลางที่มาแทนกลุ่มหลักคือชาวยุโรปที่หายไป เพราะ 3 ปัจจัยหลักๆ คือ ปัจจัยที่หนึ่ง มีการแข่งขันด้านราคาของโรงแรมด้วยกันเองค่อนข้างสูง เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% จากเดิมประมาณ 38,000 ห้อง เป็น 42,000 ห้อง ซึ่งนับรวมสถานที่พักที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม เช่น อาคารพาณิชย์ 4-5 ชั้น บริเวณแถวป่าตองสาย 2 และสาย 3 ที่ก่อสร้างใหม่และปรับเป็นที่พักกว่า 1,000 ห้อง อีกทั้งเอเย่นต์ต่างประเทศปรับพฤติกรรมการจองโดยรอจนถึงใกล้ๆ ปลายปีและดูว่าใครให้ราคาดีมีโปรโมชั่น ทั้งๆ ที่มีการเซ็นสัญญาราคาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ปัจจัยที่สอง คือค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นมาทำให้ชาวยุโรปซึ่งมีปัญหาด้านเศรษฐกิจในประเทศเขาอยู่แล้วลดการท่องเที่ยวหรือไปเที่ยวในแถบยุโรป เช่น ตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี แทน ส่วนปัจจัยสุดท้ายคงหนีไม่พ้นเรื่องของความไม่มั่นใจด้านความสงบของประเทศ ถึงแม้ปัจจุบันจะลดลงไปมาก แต่การจะวางแผนการท่องเที่ยวของชาวยุโรปจะทำกันล่วงหน้า 4-6 เดือน ซึ่งบางรายไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือมีสถานการณ์ในประเทศไทยในช่วงที่จะเดินทาง
เครือซีคอนได้เปิดโรงแรมระดับ 5 ดาว คือ โรงแรมเรเนซองภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์สปา บนหาดไม้ขาว บริหารงานโดยแมริออต อย่างเป็นทางการโดยโรงแรมมีจำนวน 150 ห้อง และ 25 พูลวิลล่า ซึ่งปัจจุบันมียอดจองของนักท่องเที่ยวเข้าพักเต็มจนถึงต้นปีหน้า โดยผลตอบรับในเบื้องต้นเป็นที่น่าพอใจมาก จากการสำรวจความพึงพอใจทั้งด้านคุณภาพการให้บริการและสถานที่ของผู้เข้าพักและเอเย่นต์ ส่วนหนึ่งมาจากการที่เป็นโรงแรมระดับห้าดาวใหม่ เพียงไม่กี่แห่งที่เปิดตัวในปีนี้ นอกจากนั้น โรงแรมยังได้กรุ๊ปทัวร์จากบริษัทชั้นนำในประเทศมาจัดสัมมนา เพราะมีความพร้อมด้านสถานที่ โดยคาดการณ์ว่าจะมีรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากได้มีการทำการตลาดที่ดีและคุมต้นทุนได้
นายปิยะ กล่าวปัญหาการท่องเที่ยวใน จ. ภูเก็ต มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและผู้ประกอบการในท้องถิ่นเป็นอย่างมาก จากรายได้การท่องเที่ยวของประเทศกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี หนึ่งในสามมาจากแถบอันดามันซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและครึ่งหนึ่งของจำนวนนั้นมาจาก จ. ภูเก็ต ทั้งนี้ รายรับจะอยู่ในช่วง High season เป็นหลัก หรือตั้งแต่ 15 พ.ย. ถึงสิ้นเดือนมีนาคม แต่ปัจจุบัน High season มีระยะเวลาสั้นลง นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวจะประหยัดมากขึ้น ทำให้ธุรกิจต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจนำเที่ยว, ร้านอาหาร และธุรกิจค้าปลีก มีรายได้ลดลงอย่างมาก
ภาครัฐควรเตรียมช่วยผู้ประกอบการรับมือ โดยเฉพาะช่วง Low season ทั้งนี้การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตคงต้องใช้เวลาอีก 1-2 ปี และจะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจของภูมิภาคตะวันตกเป็นสำคัญ จริงๆ แล้ว ควรจะเข้ามาสนับสนุนให้สถาบันการเงินช่วยผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย โดยเฉพาะรายที่เปิดใหม่ ทางสถาบันการเงินควรปล่อยสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องหรือพยุงธุรกิจในช่วงที่ยังขาดทุน แต่ภาครัฐก็ต้องมีโครงการที่จะลดความเสี่ยงให้กับสถาบันการเงินควบคู่กันไป เช่น ใช้ บสย. เข้าช่วยค้ำประกันบางส่วน โดยกระทรวงการคลังอาจช่วยแบ่งภาระการชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันครึ่งหนึ่งแทนผู้ประกอบการ ซึ่งโครงการนี้สามารถนำไปใช้กับบริเวณท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ประสบปัญหาคล้ายคลึงกันหรืออาจจะหนักกว่า อาทิ จ. เชียงใหม่ สำหรับวงเงินที่น่าจะเพียงพอคงไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท นายปิยะ กล่าว