นายองเอก เตชะมหพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร (CEO) บริษัท มหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) ใน “กลุ่มมหพันธ์” ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “ตราห้าห่วง” และ “ตราเฌอร่า” เปิดเผยถึงทิศทางในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มว่า นับแต่นี้ต่อไป บริษัทตั้งเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ สู่ความเป็น “บริษัทนวรรตกรรมบูรณาการเพื่อสิ่งแวดล้อม” หรือ “Green InnoTegration” เพื่อพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ ให้สอดคล้องกับกระแสการอนุรักษ์ธรรมชาติและพลังงาน ซึ่งเป็นแนวโน้มการทำธุรกิจของโลก
“กลุ่มมหพันธ์” มีนโยบายที่ชัดเจน ในการจะก้าวเข้าไปสู่การเป็น “บริษัทนวตกรรมบูรณาการเพื่อสิ่งแวดล้อม” เพื่อร่วมอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกให้คงอยู่ตลอดไป ทั้งนี้โดยได้ดำเนินการมาแล้วในหลายๆ ด้าน เช่น การพัฒนาและผลิตไม้เฌอร่า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ 100 % เป็นรายแรกของประเทศ, การผลิตสินค้าทั้งภายใต้ตรา “เฌอร่า” และ “ห้าห่วง โดยปราศจากส่วนผสมของสารใยหิน (Non-Asbestos) ซึ่งทำให้ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของผู้ใช้ และล่าสุด บริษัทฯ ยังพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ โดยร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟผ.) สร้างโครงการนำร่องการใช้ประโยชน์จากยิปซั่มสังเคราะห์ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของบริษัทอีกด้วย” นายองเอกกล่าว
“โครงการนำร่องการใช้ประโยชน์จากยิปซั่มสังเคราะห์” เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และ บริษัท มหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมภาคเอกชนอื่นๆ รวม 7 บริษัท ร่วมกันพัฒนาและใช้ประโยชน์จากยิปซัมสังเคราะห์ที่เป็นผลผลิตพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะจ.ลำปาง ซึ่งในแต่ละปีจะมียิปซัมสังเคราะห์มากกว่า 2 ล้านตัน และมีการนำไปใช้ประโยชน์ปริมาณที่น้อยมาก การนำมาใช้ประโยชน์ในครั้งนี้ จะช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยลดปริมาณการใช้ทรัพยากรแร่ยิปซัมธรรมชาติ นับเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์แหล่งแร่ยิปซัมธรรมชาติให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศได้อีกด้วย
และจากความร่วมมือในครั้งนี้ “กลุ่มมหพันธ์” ได้ทำสัญญาซื้อยิปซั่มสังเคราะห์ จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเพื่อทดแทนการใช้ยิปซัมธรรมชาติ และนำมาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ “ตราเฌอร่า” และในอนาคต คาดว่าจะใช้ยิปซั่มสังเคราะห์ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางในการดำเนินธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายขององค์กรที่วางไว้
นายองเอกกล่าวเพิ่มเติมว่า ยิปซั่มสังเคราะห์สามารถเป็นวัตถุดิบหลักของอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้ และหากหน่วยงานของรัฐ และ กฟผ. ผลักดันและสนับสนุนให้เอกชนมีการนำผลพลอยได้จากยิปซั่มสังเคราะห์ไปใช้ เช่นในภาคอุตสาหกรรมมีการนำผลพลอยได้ไปใช้ในกระบวนการผลิต โดยคืนภาษีให้ตามสัดส่วนการนำไปใช้ เมื่อภาคอุตสาหกรรมนำไปใช้ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น จะทำให้มีการเปลี่ยนโครงสร้างกระบวนการผลิตไปโดยปริยาย ทำให้บริษัทเหล่านั้นไม่กลับไปใช้วัสดุธรรมชาติ เช่นยิปซั่มธรรมชาติอีก
“กลุ่มมหพันธ์” ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราห้าห่วง” และ “ตราเฌอร่า” โครงการที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งในแนวทางในการก้าวเข้าสู่ ความเป็นบริษัทสากล ภายใต้แนวคิด “Green InnoTegration” (Innovation + Integration) หรือ”นวัตกรรมบูรณาการเพื่อสิ่งแวดล้อม”