นายแพทย์วรรณรัตน์ เปิดเผยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่บริโภคพลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ติดอันดับ 1 ใน 25 ผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิมากที่สุดของโลก กระทรวงพลังงานจึงให้ความสำคัญกับการการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและรณรงค์ประหยัดพลังงานเป็นอันดับต้นๆ น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ถือเป็น “น้ำมันของคนไทย” ที่จะช่วยให้ประเทศสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีศักยภาพในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น ผลิตเอทานอลจากอ้อยและมันสำปะหลัง ผลิตไบโอดีเซลจากปาล์มและน้ำมันที่ใช้แล้ว เป็นต้น โดยการใช้ E85 1 ลิตร จะช่วยให้ประเทศลดการใช้น้ำมันเบนซิน ลงได้ถึงประมาณ 0.85 ลิตร ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศแล้ว ยังช่วยส่งเสริมและเป็นการประกันรายได้เกษตรกรไทยด้วย ที่ผ่านมารัฐบาลได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจาก ปตท. ในการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนจนประสบความสำเร็จ และลดการสูญเสียเงินตราให้ต่างประเทศเป็นอย่างมาก นอกเหนือไปจากการมาตรการส่งเสริมอื่นๆ ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่แล้วเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไทยได้ใช้ “E85 น้ำมันของคนไทย” กันอย่างทั่วถึง เมื่อเร็วๆ นี้ คณะรัฐมนตรียังได้เห็นชอบลดภาษีและอากรนำเข้ารถยนต์รวมถึงชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่ใช้ E85 ซึ่งกระทรวงพลังงานก็จะพยายามผลักดันให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน นำไปสู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
นายปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการเปิดจุดจำหน่าย E85 แห่งนี้ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนแล้ว ยังช่วยให้คนกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผู้ใช้รถ E85 ส่วนใหญ่ มีความสะดวกในการเข้ารับบริการเติมน้ำมัน ซึ่งจะหันมาใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น และยังช่วยลดมลภาวะในเมืองอีกด้วย ปัจจุบันยอดการจำหน่ายน้ำมัน พีทีที บลู แก๊สโซฮอล E85 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณเฉลี่ย 327 ลิตรต่อวัน ในปี 2552 เป็นเฉลี่ย 2,210 ลิตรต่อวัน หรือ 576% แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้บริโภคที่มีต่อน้ำมันเบนซิน พีทีที บลู แก๊สโซฮอล E85 นวัตกรรมน้ำมันคุณภาพสำหรับคนรุ่นใหม่ที่รักรถและรักษ์โลก ปัจจุบันสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. 1,297 แห่งทั่วประเทศ มีจุดจำหน่าย E 85 รวมจำนวน 5 แห่ง ในกรุงเทพมหานคร 4 แห่ง รวมสาขาเกษตร-นวมินทร์แห่งนี้ และที่จังหวัดนครราชสีมาอีก 1 แห่ง ซึ่งในอนาคต ปตท.จะพิจารณาขยายสถานีบริการ E85 ให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อไป นอกจากพีทีที บลู แก๊สโซฮอล E85 แล้ว สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มพลังงานทดแทน ทั้งแก๊สโซฮอลและไบโอดีเซล โดยน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (E10) มีให้บริการ 1,294 แห่ง น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 (E10) จำนวน 977 แห่ง น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 จำนวน 192 แห่ง และน้ำมันไบโอดีเซล บี5 จำนวน 1,023 แห่ง
สำหรับสถานีบริการเกษตร-นวมินทร์แห่งนี้ เป็นสถานีบริการน้ำมันครบวงจรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนถนนเกษตรนวมินทร์บนพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ครึ่ง ให้บริการผลิตภัณฑ์น้ำมันทุกประเภท พร้อมจุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ NGV รวมถึงบริการร้านค้าหลากหลายครบถ้วนแห่งความเป็น PTT Life Station ไม่ว่าจะเป็น ร้านกาแฟ Caf? Amazon ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และร้านขายยา ที่สำคัญลูกค้าสามารถชำระค่าผลิตภัณฑ์น้ำมันผ่านบัตรเครดิตได้โดยไม่ต้องลงจากรถ ด้วยเครื่องรูดบัตรเครดิตแบบไร้สาย (EDC) ที่นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าแล้ว ยังทำให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยเมื่อใช้บัตรเครดิตอีกด้วย
นายปรัชญา กล่าวเสริมถึง PTT Blue Innovation ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมน้ำมันเชื้อเพลิงเกรดพรีเมียมของ ปตท. ว่ามีจุดเด่นในเรื่องการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานเต็มสมรรถนะ เพิ่มอัตราเร่ง ทั้งยังประหยัดเชื้อเพลิง และช่วยรักษาความสะอาดของเครื่องยนต์ให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ ตลอดจนเป็นมิตรกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่รถยนต์ทุกประเภทได้อย่างครบถ้วน ทั้ง PTT Blue Innovation กลุ่มเบนซิน และ PTT Blue Innovation กลุ่มดีเซล ได้ผ่านการทดสอบทั้งในห้องปฏิบัติการและการทดสอบภาคสนามกับผู้ขับขี่จริง ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่า PTT Blue Innovation คือเทคโนโลยีระดับพรีเมียมของชีวิตคุณ และเป็นนวัตกรรมแห่งความสำเร็จที่ต่อยอดแนวคิด PTT Life Station ได้อย่างลงตัว