ธุรกิจการดูแลสุขภาพ
องค์การอนามัยโลกระบุว่า ค่าใช้จ่ายโดยรวมด้านสุขภาพทั่วโลกในปี 2550 มีจำนวนมากกว่า 4.1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยค่าใช้จ่ายต่อหัวคิดเป็น 639 ดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวกำลังขยายตัวและได้ส่งผลกระทบต่อองค์กรธุรกิจและพลเมืองต่างๆ
แม้ว่าจะเป็นการลงทุนที่มีมูลค่ามหาศาล แต่ดูเหมือนว่าคุณภาพด้านการดูแลรักษาสุขภาพ จะสวนทางและขัดขวางการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการพัฒนา เราจะสามารถปรับปรุงการให้บริการด้านสุขภาพพร้อมกับควบคุมค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้อย่างไร คำตอบคือจะต้องเริ่มต้นด้วยการตรวจวัดและติดตามตรวจสอบคุณภาพของการดูแลรักษาอย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นงานที่ซับซ้อนและเหมาะอย่างยิ่งที่จะต้องนำการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจเข้ามาใช้
ต่อไปนี้คือตัวอย่างของสถาบันด้านสุขภาพที่ก้าวหน้าบางแห่งที่กำลังให้บริการด้านการดูแลรักษาที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ศูนย์การแพทย์เมน (Maine Medical Center)
ศูนย์การแพท์เมนเป็น “โรงพยาบาลยอดเยี่ยมแห่งอเมริกา” ในด้านศัลยกรรมกระดูก การรักษาโรคหัวใจ และการรักษาด้านนรีเวช จากการจัดอันดับของ US News and World Report โดยศูนย์การแพทย์เมนเลือกใช้การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจของแซส (SAS Business Analytics) เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับตัวชี้วัดที่สำคัญของการรักษาผู้ป่วยและส่งเสริมให้เกิดคุณภาพด้านการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางดังกล่าวได้ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญและสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมดังนี้
- รายการยาที่สมบูรณ์และถูกต้องของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในช่วง 9 เดือน
- อัตราการติดเชื้อลดลงอย่างมากด้วยการตรวจวัดตำแหน่งที่เป็นต้นตอของการติดเชื้อและกำหนดเงื่อนไขการรับผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเข้ารับการรักษา
- เพิ่มประสิทธิภพาะข้อปฏิบัติทางภาคธุรกิจหรือภาครัฐด้วยการผสานแนวทางระดับชาติในตัวชี้วัดที่สำคัญ
- พัฒนาวิธีการใหม่ๆ สำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขณะที่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และจากการให้บริการการรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ได้ดีขึ้น ทำให้โรงพยาบาลคาดว่าผู้ป่วยจะเกิดโรคแทรกซ้อนน้อยลง ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้
สถาบันแคโรลินสกา (Karolinska Institute)
สถาบันแคโรลินสกาในสวีเดนต้องการวิธีตรวจสอบผลกระทบของยารักษา ตลอดจนการรักษาอื่นๆ และปัจจัยด้านการดำเนินชีวิตซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ด้วย การวิเคราะห์ข้อมูลของแซส (SAS Business Analytics) สถาบันแห่งนี้สามารถปรับใช้แอพพลิเคชั่นการช่วยเหลือตนเองของผู้ป่วยผ่านทางเว็บไซต์และสามารถสร้างโมเดลสำหรับคาดการณ์เพื่อกำหนดวิธีรักษาที่ให้ผลดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ด้วย
ธุรกิจการธนาคาร
ในภาวะเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมของกฎระเบียบที่ท้าท้าย นักการธนาคารจึงต้องระแวดระวังตัวเป็นพิเศษ ตัวบ่งชี้หลักสองอย่างที่เห็นได้ชัดถึงสภาพปัจจุบันของธนาคารคือ ค่าใช้จ่ายสุทธิ (Net Charge-Off: NCO) ซึ่งเป็นมูลค่าของสินเชื่อที่ไม่สามารถเรียกเก็บได้ และหนี้ที่ลูกค้าไม่ยอมชำระตามกำหนด (NPL) ซึ่งขาดการชำระตามกำหนดเกินกว่า 90 วัน
จะเห็นได้ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา NCO ของธนาคารในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 350% ในทุกสถาบัน โดยมีสถาบันที่ถือครองสินทรัพย์มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์หรือน้อยกว่านั้นได้แสดงให้เห็นถึงอัตราการขยายตัวของ NCO ที่มีเกือบ 500% ขณะที่ NPL เทียบกับปอร์เซ็นต์ของยอดสินเชื่อโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 278% ในธนาคารสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ 1 พันล้านหรือกว่า1 ด้วยเหตุนี้ สถาบันทางการเงินจะ สามาถเรียกเก็บเงินและรักษาผลการดำเนินงานของตนได้อย่างไร
การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจสามารถให้มุมมองที่สถาบันการเงินต่างๆ จำเป็นต้องใช้เพื่อลดปัญหา ทั้งหนี้สูญและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเรียกเก็บเงินได้ โดยข้อแรกก็คือโมเดลที่สร้างขึ้นภายในเฟรมเวิร์กของการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจสามารถระบุทางเลือกที่เป็นไปได้ในการดำเนินการและการปรับเปลี่ยน วงเงินกู้ได้ ข้อที่สองการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจจะสามารถปรับการดำเนินการเรียกเก็บเงินให้เหมาะสมที่สุดเพื่อปรับปรุงความสามารถของความสำเร็จในการทำกำไรและเพิ่มความมั่นคงสูงสุดให้กับกลุ่มลูกหนี้ โดยสามารถเริ่มด้วยขั้นตอนพื้นฐานสามขั้นตอน ดังนี้ล้างข้อมูลและนำมาใช้ร่วมกัน ทำข้อมูลใหม่และให้เป็นมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นด้านสินเชื่อ และด้านลูกค้า โดยรวมไว้ในที่เก็บข้อมูลแหล่งเดียว
วิเคราะห์และให้คะแนน พัฒนาโมเดลการให้คะแนนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลส่วนของลูกหนี้-ลูกค้าเทียบกับวัตถุประสงค์ ซึ่งรวมถึง “กำไรสูงสุด” หรือ “หนี้สูญต่ำสุด” หรือเทียบกับข้อจำกัดต่างๆ เช่น ประเภทสินเชื่อ ยอดสินเชื่อคงค้าง หรือวันที่ไม่ชำระตามกำหนด
ปรับใช้และดำเนินกลยุทธ์การบริหารจัดการให้เหมาะสม โมเดลเชิงวิเเคราะห์ช่วยให้ทีมเรียกเก็บเงินสามารถเข้าใจได้ว่าบุคคลใดมีแนวโน้มสูงสุดที่จะตอบสนอง ทำให้สามารถเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมที่สุดตลอดจนคาดการณ์จำนวนเงินที่จะได้รับการชำระได้ด้วย
การปรับใช้วิธีการเรียกเก็บเงินให้เหมาะสมสูงสุดอันเป็นผลมาจากการวิเคราะห์เชิงธุรกิจจะช่วยให้สถาบันทางการเงินต่างๆ สามารถปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรของตนให้ดียิ่งขึ้นได้
ธุรกิจการผลิต
ตั้งแต่ผ้าอ้อมไปจนถึงเครื่องยนต์ไอพ่น หรือธุรกิจเกือบทุกอย่างที่การผลิตคือสิ่งที่อยู่ระหว่างกลาง ผู้ชำนาญการด้านการผลิตคือผู้สร้างความแตกต่างที่สำคัญขององค์กรที่จะทำตามแนวทางปฏิบัติและกรรมวิธีที่เหมาะสม และการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจคือสิ่งสำคัญในการกำหนดแนวทางปรับปรุงการวางแผนการผลิตและการขาย พัฒนาซัพพลายเชนให้ดีขึ้น ลดปริมาณสินค้าคงคลัง ตลอดจนปรับกระบวนการโลจิสติกให้มีประสิทธิภาพ เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น ในการคาดการณ์ความต้องการของตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจสามารถเป็นตัวสนับสนุนสำคัญที่จะสร้างความสำเร็จให้กับผู้ผลิตได้ การคาดการณ์ที่ดีขึ้นจะให้ผลตอบแทนจาการลงทุน (ROI) ได้มากขึ้นด้วยอันเนื่องมาจาก
การลดปริมาณสินค้าคงคลังการปรับปรุงอัตราการสั่งซื้อทั้งกระบวนการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นการหมุนเวียนเงินสดที่สั้นลง ผู้ผลิตจำนวนมากพยายามอย่างหนักที่จะจัดการและคาดการณ์ความต้องการด้านวัตถุดิบของตน รวมถึงความสูญเสียที่เกิดจากการมีวัสดุคงคลังที่ไม่จำเป็น และปริมาณสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง จะเห็นได้ว่าการผสมวัตถุดิบที่ไม่ถูกต้องสามารถส่งผลให้แผนการผลิตล้มเหลวและคำสั่งซื้อของลูกค้าล่าช้า (หรือถูกยกเลิก) ได้ การที่ไม่มีการคาดการณ์ความสูญเสียที่เกิดจากการมีวัสดุคงคลังที่ไม่จำเป็น สามารถนำไปสู่กำหนดการที่ไร้ประสิทธิภาพและการจัดสรรสต็อกสินค้าสำเร็จรูปได้อย่างไม่ถูกต้อง นั่นคือไม่มีปริมาณสินค้าที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมและในตำแหน่งที่ถูกต้อง แม้ว่าจะมีข้อมูลที่พร้อมใช้ในการป้องกัน ระบุ และแก้ไขความไม่สมดุลและความไร้ประสิทธิภาพเหล่านี้ได้ แต่ก็มักจะไม่ได้ถูกรวม วิเคราะห์ และใช้ร่วมกันอย่างครอบคลุมทั้งองค์กร
เทคโนโลยีการจัดการข้อมูลสามารถนำกลุ่มข้อมูลมารวมไว้ด้วยกันได้ เช่น ข้อมูล ณ จุดขาย (POS) และข้อมูลการจัดส่งสินค้าในช่วงที่ผ่านมา เมื่อมีการรวมข้อมูลเข้าไว้ด้วยกัน เครื่องมือและโมเดลการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจจะสามารถคาดการณ์ความต้องการผลิตภัณฑ์ได้อย่างแม่นยำโดยยึดตามตระกูล SKU แต่ละรายการ ภูมิศาสตร์ และประเภทลูกค้า เป็นต้น ด้วยภาพความต้องการที่ชัดเจนและแม่นยำ ทำให้ผู้ผลิตสามารถจัดสรรวัตถุดิบทั่วทั้งโรงงานและภูมิภาคได้อย่างเหมาะสม ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการปรับให้เหมาะกับช่องทางจัดจำหน่าย เพื่อสร้างกำหนดการของการวางแผนหลักได้อย่างสมบูรณ์
ธุรกิจโทรคมนาคม
ดูเหมือนว่าคุณอาจเคยมีประสบการณ์มาแล้วจากการที่โทรศัพท์มือถือใช้งานเครือข่ายไม่ได้หลายต่อหลายครั้งจนทำให้คุณต้องเปลี่ยนไปใช้ผู้ให้บริการรายอื่นแทน ด้วยเหตุนี้ผู้ให้บริการจึงต้องลงทุนอย่างระมัดระวังและใส่ใจเพื่อรักษาและเพิ่มระดับคุณภาพในบริการของตนตลอดจนรักษาความพึงพอใจของลูกค้าให้ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาสามารถรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้
โดยปกติแล้ว ผู้จัดการเครือข่ายจะได้รับรายงานความผิดปกติและการแจ้งเตือนหลังจากที่อุปกรณ์เครือข่ายทำงานล้มเหลวแล้ว และทีมงานจะเข้าไปจัดการกับบัตรร้องเรียนปัญหา (trouble ticket) ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้รับมุมมองที่จะนำไปสู่สาเหตุสำคัญหรือแนวโน้มของการหยุดให้บริการของเครือข่าย ส่งผลให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่มีระยะเวลายาวนาน
ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจและแนวทางต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ความผิดพลาดเชิงพยากรณ์ ผู้จัดการเครือข่ายสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเครือข่ายก่อนที่จะเกิดภาวะล้มเหลวขึ้นได้ พวกเขาสามารถวิเคราะห์บัตรร้องเรียนปัญหาและปรับใช้บริการได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนลดระยะเวลาการแก้ไขปัญหาให้สั้นลงด้วย
การจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงคุณภาพของข้อมูลและความสามารถด้านการรายงาน ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ เนื่องจากสามารถช่วยระบุปัญหาด้านบริการและเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว โดยการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจสามารถช่วยในการดำเนินการดังต่อไปนี้
แยกแยะและและนำเรื่องร้องเรียนที่ซ้ำซ้อนออกไป เข้าใจความผิดปกติและประสิทธิภาพในระดับมหภาคระบุได้ว่าบริการใดมีความผิดปกติสูงสุด นอกจากการวิเคราะห์ประสิทธิภาพเครือข่ายแล้ว เทคโนโลยีการวิเคราะห์ที่สามารถคาดการณ์ได้สามารถช่วยประเมินความต้องการ ความผิดปกติและระบบที่จะช่วยในด้านการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรและคุณภาพของบริการ (QoS) ให้ดีขึ้นได้ จากนั้นผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพื่อระบุเวลาและสถานที่ที่ทรัพยากรเครือข่ายจะถูกปรับใช้ รวมถึงรูปแบบต่างๆ ที่จะนำไปสู่ประสิทธิภาพหรือคุณภาพของบริการได้ตลอดเวลา
การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจทำให้ผู้จัดการเครือข่ายและบริการเข้าใจสาเหตุและผลกระทบของความล้มเหลวได้ดียิ่งขึ้น พวกเขาสามารถจัดลำดับความสำคัญและป้องกันไม่ให้บริการหยุดทำงานได้ล่วงหน้า ตลอดจนแก้ไขและบรรเทาความเสี่ยงด้วยการตอบคำถามที่สำคัญดังนี้ได้
แต่ละปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการทำงานที่ผิดพลาดของของเครือข่าย มีความสำคัญอย่างไร ความผิดปกติของเครือข่ายใดที่สัมพันธ์กับการร้องเรียนปัญหา ความผิดปกติมีส่วนเกี่ยวข้องกับอะไรบ้างและจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง การเตรียมพร้อมด้วยการวิเคราะห์ความผิดปกติที่ได้คาดการณ์ไว้ ทำให้ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมสามารถจำกัดเวลาที่ต้องสูญเสียไปและปรับปรุงบริการโดยรวมให้ดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้ผู้ใช้บริการทำธุรกิจได้อย่างราบรื่น
สื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:
คุณศรีสุพัฒ เสียงเย็น บริษัท คอร์แอนด์พีค จำกัด
02 439 4600 ext 8300
Visit the SAS Press Center
www.sas.com/presscenter