นายศิริศักดิ์ วิทยอุดม รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน แถลงข่าวเปิดเผยถึงสถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดในเดือนพฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมาว่า มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2553 ทุกชนิด โดยน้ำมันเบนซินมีปริมาณจำหน่าย 21.3 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 7% น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 53.2 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 15% LPG 482,000 ตัน/เดือน หรือ 16,000 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 2% และ NGV 5,700ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 6% เป็นผลจากภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วทั้งประเทศตั้งแต่เดือนตุลาคมได้ลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนพฤศจิกายน ทำให้การคมนาคมขนส่งสะดวกขึ้น และเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลขนส่งพืชผลการเกษตรที่สำคัญ คือ อ้อย นอกจากนี้ยังปรับตัวสูงขึ้นมากจากเดือนพฤศจิกายนปีก่อน โดยการใช้น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 9% น้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพิ่มขึ้น 8% LPG เพิ่มขึ้น 17% และ NGV เพิ่มขึ้น 36%
กลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้นในส่วนของน้ำมันเบนซิน 91 ปริมาณ 8.9 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2553 11% และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 12.3 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 5% ในขณะที่น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา 33.6 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 21% และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 5 19.0 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 9%
สำหรับการใช้ LPG แบ่งเป็นการใช้ในภาคครัวเรือน 209,000 ตัน/เดือน หรือ 7,000 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 4% ภาคอุตสาหกรรม 68,000 ตัน/เดือน หรือ 2,200 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 4% และภาครถยนต์ 60,000 ตัน/เดือน หรือ 2,000 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 8% แต่ภาคปิโตรเคมี 145,000 ตัน/เดือน หรือ 4,800 ตัน/วัน ลดลง 3% จากปริมาณการใช้ LPG ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 6 ของปตท. ยังอยู่ในช่วงของการทดลองเดินเครื่อง ทำให้ต้องมีการนำ LPG เข้ามาจากต่างประเทศเป็นปริมาณ 144,000 ตัน มูลค่า 3,800 ล้านบาท
ในส่วนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงมีปริมาณนำเข้าทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปรวม 4,810 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่านำเข้า 77,000 ล้านบาท โดยปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2553 22% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 29% ซึ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 4,540 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 24% คิดเป็นมูลค่า 73,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% แต่การนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป 270 ล้านลิตร ลดลง 4% ในขณะที่มูลค่านำเข้า 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่นำเข้าส่วนใหญ่เป็นการนำเข้า LPG ซึ่งราคาตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 690 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในเดือนตุลาคม เป็น 780 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในเดือนพฤศจิกายน ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป มีปริมาณ 1,100 ล้านลิตร มูลค่าส่งออก 15,000 ล้านบาท ลดลงจากเดือนตุลาคม 2553 11% และ 23% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ในด้านการกำกับดูแลคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำหน่ายในประเทศ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานที่กรมธุรกิจพลังงานกำหนด ซึ่งจากการสุ่มตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงจากผู้ค้าน้ำมันต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 (เดือนตุลาคม —พฤศจิกายน 2553 ) รวมทั้งสิ้น 306 ราย 587 ตัวอย่าง พบการจำหน่ายน้ำมันคุณภาพต่ำ 1 ราย 1 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 0.33 และ 0.17 ของจำนวนรายและตัวอย่างน้ำมันที่ตรวจสอบตามลำดับ โดยกรมธุรกิจพลังงานได้ดำเนินการตามกฎหมายกับสถานีบริการที่ตรวจแล้วพบผิดแล้ว และสำหรับสถานีบริการที่ตรวจพบว่าจำหน่ายน้ำมันที่มีคุณภาพถูกต้อง กรมธุรกิจพลังงานได้ติดสติกเกอร์ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตรัส พื้นสีเขียว มีตราสัญลักษณ์กรมธุรกิจพลังงาน และข้อความ “ ตรวจสอบคุณภาพ ” โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ลงชื่อกำกับ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลต่อไป
ทั้งนี้ กรมธุรกิจพลังงานได้เพิ่มมาตรการในการตรวจสอบให้มากยิ่งขึ้น โดยจัดทำโครงการขยายขีดความสามารถด้านการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นการจัดหารถยนต์พร้อมเครื่องมือตรวจสอบ (Mobile Lab) มอบให้ไปปฏิบัติงานประจำในสำนักวิชาการพลังงานในภูมิภาคเพื่อให้สามารถกำกับดูแลคุณภาพน้ำมันของสถานีบริการที่อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบเพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยในระยะแรกจะเริ่มดำเนินการใน 3 ภาค คือ ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
นายศิริศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมธุรกิจพลังงานยังได้เนินกิจกรรมปลูกป่า ภายใต้โครงการ”ลดโลกร้อนถวายพ่อ” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2553 พร้อมกับพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานสถาบันพัฒนาเทคนิคพลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดฝึกอบรม/สัมมนา เป็นศูนย์ทดสอบคุณภาพและเป็นศูนย์วิชาการทางด้านพลังงานของประเทศ ณ บริเวณ ที่ตั้งอาคารสำนักงานสถาบันพัฒนาเทคนิคพลังงาน ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยได้รับเกียรติจาก นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.กระทรวงพลังงาน มาเป็นประธานในพิธี