นางสาวสุทธาสินี วัชรบูล รองเลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า พ.ร.บ.การจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. 2551 ได้ให้ความหมายของการเรียนร่วมว่า การจัดให้คนพิการได้เข้าในระบบการศึกษาทั่วไปทุกระดับ และหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการจัดการศึกษา ให้สามารถรองรับการเรียนการสอนสำหรับคนทุกกลุ่มรวมทั้งคนพิการ สกศ. ได้กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาส เพื่อให้เด็กด้อยโอกาสได้รับบริการการศึกษาและวิชาชีพ พึ่งตนเองได้ มีโลกทัศน์และชีวิตที่ดีเห็นคุณค่าของวัฒนธรรม มีความสุข มีศักดิ์ศรี มีจิตสำนึก มีส่วนร่วมพัฒนาสังคมและประเทศชาติ โดยมีนโยบาย 5 ข้อ ได้แก่ 1. ให้บริการการศึกษาอย่างเสมอภาคและทั่วถึง ให้เด็กด้อยโอกาสทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสมและหลากหลายรูปแบบ 2. จัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ เน้นการเรียนรู้เพื่อชีวิตที่เหมาะสมกับเด็กด้อยโอกาส โดยต้องบูรณาการทั้งด้านวิชาการ ศีลธรรม จริยธรรม และทักษะการดำรงชีวิตในสัดส่วนที่เหมาะสมและมีมาตรฐานคุณภาพเท่าเทียมกับการศึกษาในระบบปกติ
3. ส่งเสริมสนับสนุนให้มีระบบการจัดสรรทรัพยากรเพื่อการศึกษาและปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ที่สอดคล้องกับสภาพของเด็กด้อยโอกาสแต่ละประเภท 4. จัดระบบการบริหารจัดการให้เอื้อต่อการจัดการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาสอย่างมีคุณภาพ 5. สร้างและพัฒนาเครือข่ายการจัดการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาส ให้มีความพร้อมในการจัดการศึกษา การทำงานการจัดการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาสจะต้องมีความต่อเนื่อง มีการติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดบริการการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาส เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไขและขยายผลการดำเนินงานต่อไป
ผศ.ดร. เบญจา ชลธาร์นนท์ ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า ครูไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพัฒนาเด็กให้เป็นคนดี ต้องมีศรัทธาความเป็นครูซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเด็กพิเศษ นอกจากนี้ครอบครัวของเด็กจะมีผลต่อพัฒนาการของเด็ก และโรงเรียนที่มีการจัดการเรียนร่วมต้องให้ เด็กเกิดความรู้สึกเข้าใจที่จะเรียนร่วม กับเด็กพิเศษอย่างไร การช่วยเหลือเพื่อนทำอย่างไร เตรียมเด็กให้เปิดใจและยอมรับความแตกต่างของคน เป็นการปลูกฝังจริยธรรมของเด็กไปด้วย
นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึ่ม (ไทย) กล่าวถึง จุดเน้นการจัดการเรียนร่วมสู่ความสำเร็จนั้น จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย และกฎ ระเบียบ ปรับเปลี่ยนวิธีคิด ให้เอื้อต่อการรับเด็กด้อยโอกาสเข้าศึกษาอย่างทั่วถึงทุกกลุ่ม พร้อมทั้งกำกับติดตามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ และให้มีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์และสถานที่ เร่งจัดทำฐานข้อมูล สภาพและความต้องการจำเป็นของเด็กด้อยโอกาสทุกประเภทในทุกพื้นที่ ให้มีความชัดเจนถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน ต้องมีการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ครอบครัว สังคม และชุมชน ในการจัดการศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง