กทม.เตรียมเสนอชื่อลุ้นรางวัลเมืองหนังสือโลกในปี 2556 จากยูเนสโก

จันทร์ ๒๔ มกราคม ๒๐๑๑ ๑๕:๕๕
กทม.เดินหน้าโครงการมหานครแห่งการอ่านตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาศักยภาพเมือง พร้อมขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ 5 ด้าน เพื่อผลักดันให้กรุงเทพฯ คว้ารางวัลเมืองหนังสือโลกในปี 2556 จากยูเนสโก ตั้งเป้าส่งเสริมประชาชนให้มีนิสัยรักการอ่าน เน้นการมีส่วนร่วมของเครือข่ายภาคี และพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้เข้าถึงได้ง่าย

นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 3/2554 ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับโครงการรณรงค์ให้กรุงเทพมหานครเป็นมหานครแห่งการอ่านในปี 2013 โดยกรุงเทพมหานครมีนโยบายที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งการอ่านซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาศักยภาพเมืองเพื่อก้าวทันการแข่งขันทางเศรษฐกิจและเป็นมหานครแห่งการเรียนรู้ พร้อมสนองนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ และเตรียมเสนอชื่อกรุงเทพมหานครเข้าแข่งขันเพื่อคัดเลือกเป็นเมืองหนังสือโลก ในปี 2556 (World Book Capital 2013) พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการภาคีขับเคลื่อนให้กรุงเทพมหานครเป็น “มหานครแห่งการอ่าน”

สำหรับยุทธศาสตร์ 5 ด้าน เพื่อขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครสู่เมืองหนังสือโลก ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 สื่อสารสาธารณะเพื่อปรับกระบวนทัศน์สังคม โดยทำแผนรณรงค์ สร้าง Brand Ambassador และจัดทำโฆษณาเพื่อเผยแพร่กิจกรรมต่างๆ ยุทธศาสตร์ที่ 2 นโยบายชัดเจนต่อเนื่อง โดยกรุงเทพมหานครเป็นหลัก ทุกภาคส่วนร่วมผลักดัน ยุทธศาสตร์ที่ 3 ร่วมมือเครือข่ายภาคี โดยตั้งศูนย์ประสานงาน เพื่อวิจัยและสนับสนุน ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาและขยายพื้นที่ส่งเสริมการอ่าน โดยพัฒนาศักยภาพพื้นที่การอ่านเดิมและเพิ่มพื้นที่ใหม่ และยุทธศาสตร์ที่ 5 ส่งเสริมการอ่านที่หลากหลาย ผ่านหลากหลายกิจกรรม อาทิ โครงการ “Bangkok Young Star Writer” หรือกิจกรรมพบนักเขียน โดยมีกิจกรรมที่ได้ดำเนินการไปแล้ว คือ การประชุมคณะกรรมการฯ การประชุมภาคี 93 องค์กร และการจัดกิจกรรมระดมความคิดเห็น ซึ่งในวันที่ 1 ก.พ. 54 กรุงเทพมหานครจะลงนาม MOU ร่วมกับภาคีเครือข่าย และเตรียมเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเมืองหนังสือโลกของปี 2556 ในวันที่ 29 เม.ย.54

ทั้งนี้ โครงการเมืองหนังสือโลก (World Book Capital) เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2544 ยูเนสโกได้มอบรางวัลเกียรติยศ ในฐานะที่เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้และส่งเสริมการอ่าน เพียงปีละ 1 เมือง เพื่อกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ด้วยหนังสือในระดับนานาชาติให้สอดคล้องกับการเฉลิมฉลอง “วันหนังสือและลิขสิทธิ์โลก” (World Book and Copyright Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 23 เมษายนของทุกปี ด้วยเหตุผลที่ว่าหนังสือ คือ สิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการกระจายความรู้และรักษาไว้ซึ่งความรู้นั้นๆ เพื่อมนุษยชาติ รวมถึงต้องการให้ทั่วทั้งโลกส่งเสริมให้เกิดการอ่าน การจัดพิมพ์หนังสือและการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาผ่านความคุ้มครองด้านลิขสิทธิ์ด้วย

โดยกรุงเทพมหานครตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเมืองหนังสือโลกเมื่อปี 2553 และใช้งบประมาณ 280 ล้านบาท (ปีงบประมาณ 2254 — 2556) ในการดำเนินโครงการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีนิสัยรักการอ่าน เน้นการมีส่วนร่วมของเครือข่ายภาคีต่างๆ อาทิ สมาคมนักเขียน ห้องสมุดต่างๆ รวมถึงการมีแหล่งเรียนรู้ที่เข้าถึงง่าย และพัฒนาห้องสมุดให้มีความทันสมัยเป็นห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังมีบ้านหนังสือซึ่งเป็นห้องสมุดขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในชุมชนต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภาพ และปลูกฝังเยาวชนและประชาชนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการแสวงหาความรู้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ