มร.มาร์คัส มูฟาร์ริจ, ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของเซอร์ฟคอร์ป กล่าวว่า “ทางบริษัทฯจะสามารถทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าระบบข้อมูลและการสื่อสารต่าง ๆ จะไม่เสียหายเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือขัดข้องขึ้น ทางเซอร์ฟคอร์ปจึงได้ทำการลงทุนด้าน IP network ด้วยงบประมาณถึง 50 ล้านเหรียญ ซึ่งทางเซอร์ฟคอร์ปมั่นใจว่าระบบที่ลงทุนนี้จะส่งผลให้มีความเสถียรเพิ่มขึ้นถึง 99.9 %”
“ ความแตกต่างของเราที่เหนือกว่าคู่แข่งก็คือ ทางเราได้ลงทุนในด้านระบบ VoIP ( Voice over IP ) ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้เรามีรากฐานในระบบการสื่อสารที่มั่นคงสำหรับใช้ในพื้นที่สำนักงานให้เช่าของเรา ลูกค้าของเราสามารถเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นโทรศัพท์ผ่านระบบไอพีเพื่อติดต่อสื่อสาร และดำเนินธุรกิจได้ทุกเวลา การให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่านี้แสดงให้เห็นได้จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในกรุงเทพเมื่อต้นปี 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานของเซอร์ฟคอร์ปบนอาคารเซ็นทรัลเวิล์ดได้รับผลกระทบจากการวางเพลิง ลูกค้าที่ใช้บริการกับทางเซอร์ฟคอร์ปจึงมีเหตุจำเป็นที่ต้องหยุดการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากไม่สามารถเข้ามายังตึกที่เป็นพื้นที่สำนักงานได้ ความท้าทายก็คือ ทำอย่างไรให้ลูกค้าของเราสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติเสมือนไม่ได้รับผลกระทบ ทางบริษัทจึงได้แก้ไขโดยใช้ประโยชน์จากระบบการสื่อสารที่ได้ลงทุนไป โดยเปิดใช้ระบบทางไกลจากเครือข่ายของเซอร์ฟคอร์ปในสิงคโปร์ เมื่อมีสายเรียกเข้าของลูกค้าก็จะถูกตอบรับโดยสำนักงานทางสิงคโปร์เสมือนกับลูกค้าเรายังคงปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงานที่กรุงเทพ เรายังส่งพนักงานที่สามารถพูดภาษาไทยได้ไปยังสิงคโปร์ เพื่อรับสายที่เป็นภาษาไทย ทำให้ลูกค้าของเราเกิดความพึงพอใจ และมั่นใจในบริการที่ได้รับ ทั้งที่ความไม่สงบทางการเมืองในกรุงเทพยังคงดำเนินอยู่ เป็นต้น”
นอกจากนี้ มร.มาร์คัส มูฟาร์ริจกล่าวอีกว่า “เราได้นำระบบสื่อสารทางอินเตอร์เนตที่รวดเร็วฉับไวมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่สำนักงานของเซอร์ฟคอร์ปทุกสาขา เรามีสำนักงานเสมือน และสำนักงานพร้อมบริการให้เช่า อยู่ทั่วโลก ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เซอร์ฟคอร์ป ประเทศไทย
โทรศัพท์ 02 231 8100
http://www.servcorp.co.th