ประเภท Romance / Drama
กำหนดฉาย 10 กุมภาพันธ์ 2011
เว็บไซด์ภาพยนตร์ http://www.bluevalentinemovie.com/
บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
อำนวยการสร้าง ลีเน็ตต์ โฮเวลล์ (Half Nelson, Phoebe in Wonderland)
กำกับ/เขียนบท เดเร็ค เซียนฟรานซ์ (Brother Tied)
นำแสดง ไรอัน กอสลิ่ง (The Notebook, Half Nelson, Lars and the Real Girl)
มิเชล วิลเลียมส์ (Brokeback Mountain, Shutter Island)
ไมค์ โวเกล (Cloverfield, Poseidon)
เบน แชงค์แมน (Requiem for a Dream, Just Like Heaven)
เนื้อเรื่อง
ภาพยนตร์รักเรื่องเยี่ยมที่ส่งให้สองนักแสดงนำ ไรอัน กอสลิ่ง และ มิเชล วิลเลี่ยมส์ เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายและหญิงยอดเยี่ยม Blue Valentine เล่าถึงการพบรักและการฟันฝ่าเพื่อรักษารักเอาไว้ นำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและปัจจุบัน เมื่อภาพความทรงจำที่แม้จะเลือนลางแต่ชัดเจนในความรู้สึก ดีน (ไรอัน กอสลิ่ง) และ ซินดี้ (มิเชล วิลเลี่ยม) คู่สามี-ภรรยา พยายามกลับไปสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นอีกครั้ง พวกเขาใช้เวลาหนึ่งคืนภายในห้องเพื่อรักษาชีวิตคู่ ขณะเดียวกันก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต เมื่อครั้งที่ทั้งสองตกหลุมรักกันและชีวิตยังเปี่ยมไปด้วยความหวัง...
Blue Valentine หนังโรแมนติกต้อนรับวาเลนไทน์ เป็นหนังฮอลลิวู้ดเรื่องแรกที่ยื่นอุทธรณ์เรตติ้งจาก NC-17 เป็น R ได้เป็นผลสำเร็จ และถือเป็นการพบกันครั้งแรกของสองนักแสดงขวัญใจวัยรุ่น ไรอัน กอสลิ่ง จาก The Notebook และ มิเชล วิลเลียมส์ จาก Brokeback Mountain ผลงานของผู้สร้าง Half Nelson ที่ส่งให้ ไรอัน กอสลิ่ง เข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
บทสัมภาษณ์ เดเร็ค เซียนฟรานซ์ (ผู้กำกับ / เขียนบท)
คุณได้รับแรงบันดาลใจเรื่องนี้มาจากไหน
ตั้งแต่เด็กฝันร้ายของผมมีอยู่เพียงสองอย่าง หนึ่งคือสงครามนิวเคลียร์ สองคือพ่อแม่ของผมหย่าร้างกัน หนังเรื่องนี้พูดถึงความกลัวอย่างที่สองของผม
คุณเริ่มต้นโปรเจ็คยังไง ช่วยเล่าถึงกระบวนการก่อนที่มันจะกลายเป็นหนังเรื่องนี้
ผมเริ่มและหยุดเป็นระยะเวลานานกว่า 11 ปี จำได้ว่าผมเริ่มเขียนบทภาพยนตร์ร่างแรกในช่วงหน้าร้อนปี 1998 และนึกว่าคงสามารถถ่ายทำได้ในฤดูใบไม้ร่วง เห็นได้ชัดว่าผมคิดผิด (หัวเราะ) ผมพบกับ มิเชล วิลเลียมส์ ในปี 2003 จากนั้นผมก็ได้รู้จักกับ ไรอัน ในปี 2005 พวกเราทั้งสามคนพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้มันกลายเป็นหนัง แต่ก็ต้องพบกับไฟแดงทุกครั้ง ผมเคยรู้สึกเหมือนกันว่าหนังเรื่องนี้อาจจะถูกสาป แต่โชคดีที่พวกเราเจอกับ เจมี่ เพทริคอฟ และ ลีเน็ตต์ โฮเวลล์ สองผู้อำนวยการสร้าง พวกเขามีความตั้งใจที่จะสร้างหนังเรื่องนี้ให้ได้ พวกเราทั้งหมดร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน
เมื่อโอกาสมาถึงพวกเราก็ไม่รีรอที่จะเปลี่ยนจากคำสาปให้กลายเป็นคำอวยพร ผมคิดว่าการเตรียมงานสร้างกว่า 11 ปีเป็นที่สิ่งเหมาะสม ผมอยากขอบคุณพระเจ้าที่ตัวเองถูกบังคับให้รอ เพราะมันทำให้หนังเรื่องนี้ถูกทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วน จนทำให้มันคือหนังที่พวกเราต้องการสร้างอย่างแท้จริง
คุณมีฉากโปรดหรือเปล่า
เยอะมากครับ ผมคงเลือกไม่ถูก อย่างไรก็ตามผมอยากเล่าถึงช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุด มันคือความสว่างที่เกิดขึ้นจากความว่างเปล่า แต่ยังสามารถจับต้องได้ระหว่าง ไรอัน และ มิเชล ผมจำได้ว่าฉากแรกที่เราถ่ายทคือฉากที่ ดีน มาหา ซินดี้ ที่บ้านพ่อแม่ของเธอเพื่อทานอาหารค่ำ ผมรู้สึกกังวลมาก เพราะว่าการถ่ายทอดความสัมพันธ์ของคนสองคน ทุกอย่างต้องขึ้นกับเคมีของนักแสดง ถ้ามันไม่เกิดขึ้นคุณก็จำเป็นต้องอาศัยเทคนิกการถ่ายทำ อย่างไรก็ตามผมโล่งใจทันทีเมื่อเห็นพวกเขาคู่กันเป็นครั้งแรก มันเหมือนมีเวทย์มนต์ระหว่าง ไรอัน และ มิเชล และผมก็เป็นพยานผู้รู้เห็นคนแรก
ฉากไหนที่คุณคิดว่ายากที่สุดในการถ่ายทำ
สำหรับผมการถ่ายทำก็เหมือนกับการพักร้อน เพราะงานหนักนั้นอยู่ที่การเตรียมงานและการตัดต่อ การถ่ายหนังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต แต่ถ้าให้เลือกผมคงตอบว่าทุกฉากที่อยู่ภายในโรงแรม เพราะว่ามันมีความใกล้ชิดและบรรยากาศที่กดดันและอึดอัด และยังมีฉากในห้องน้ำที่เราถ่ายทำกันเป็นเวลาสองวัน มีนักแสดงสองคน กล้องสองตัว คนถือไมค์บูม ผู้ช่วยผู้กำกับ และผม ทุกคนทำงานในห้องน้ำแคบๆ พวกเราต้องถ่ายทำกันแบบลองเทคและกล้องก็ขึ้นฝ้าตลอดเวลา ผมอยากขอบคุณ ไรอัน และ มิเชล เพราะพวกเขาไม่เคยบ่นอะไรเลย
หนังถูกเล่าทั้งในอดีตและปัจจุบัน ในขณะที่อดีตถูกเล่าภายในระยะเวลาหลายเดือน แต่ปัจจุบันถูกเล่าภายในเวลา 24 ชั่วโมง ทำไมคุณถึงตัดสินใจเล่าเรื่องแบบนี้
หนังเรื่องนี้พูดถึงความแตกต่างของ ผู้ชาย/ผู้หญิง ความรัก/ความชัง แสงสว่าง/ความมืด นี่คือชีวิตสองด้านที่ผมต้องการสื่อ ผมต้องการให้หนังเป็นเหมือนความทรงจำ อดีตที่เป็นเหมือนความทรงจำระยะยาว และปัจจุบันที่เป็นความทรงจำระยะสั้น ผมรู้สึกทึ่งกับประสบการณ์ของแต่ละคน มันสามารถทั้งขยายหรือหดได้ ช่วงเวลาปกติสามารถถูกทำให้จดจำและกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ในขณะเดียวกันเวลาก็อาจไหลทะลุผ่านคุณไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับที่ผมใช้เวลาขับรถ 20 นาทีแต่รู้สึกเหมือนผ่านไปแค่ 20 วินาที ผมสงสัยว่าเวลานั้นหายไปไหนหมด ผมต้องการสื่อถึงความทรงจำที่ทั้งขยายตัวและถูกบีบอัดในภาพยนตร์เรื่องนี้
ประวัติทีมนักแสดง
ไรอัน กอสลิ่ง (รับบทเป็น ดีน)
บทนำครั้งแรกในหนังเรื่อง The Believer ที่ได้รับรางวัล แกรนด์ จูรี่ ไพรซ์ จากเทศกาลหนังซันแด๊นซ์ในปี 2001 ถือเป็นการแจ้งเกิดของ ไรอัน กอสลิ่ง ที่ทำให้เขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Independent Spirit Award, สมาคมนักวิจารณ์ลอนดอน และสมาคมนักวิจารณ์รัสเซีย โดยการแสดงของเขาได้รับเสียงชื่นชมและถูกจับตามองจากทุกคนในวงการ จนหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทมส์ยังพูดถึงเขาว่า "ไรอัน กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีฝีมือที่สุดของรุ่น"
ในปี 2007 กอสลิ่ง ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำและ SAG ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Lars and the Real Girl โดยก่อนหน้านี้เขาก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Half Nelson ในบทบาทครูติดยาที่ต้องการช่วยนักเรียนไม่ให้เป็นแบบเขา โดยเขายังได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก สมาคมนักวิจารณ์แห่งชาติ, เทศกาลหนังเมืองสต๊อกโฮมส์ และเทศกาลหนังเมืองซีแอตเทิล
ผลงานเรื่องอื่นๆของ กอสลิ่ง ก็ยังมี Murder by Number ที่เขาแสดงคู่กับ แซนดร้า บูลล็อค, Remember the Titans ร่วมกับ เดนเซล วอชิงตัน, The United State of Leland ร่วมกับ เควิน สเปซี่ย์, Fracture ร่วมกับ แอนโทนี่ ฮ็อปกิ้นส์ รวมถึงบทบาทที่ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของสาวๆใน The Notebook หนังโรแมนติกที่เขาแสดงคู่กับ เรเชล แม็คอดัมส์
มิเชล วิลเลี่ยมส์ (รับบทเป็น ซินดี้)
ด้วยการแสดงอันน่าทึ่งของ มิเชล วิลเลี่ยมส์ ใน Brokeback Mountain ของผู้กำกับ อังลี ทำให้เธอได้รับรางวัล Broadcast Film Critics Association Award รวมถึงถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำ, สมาคมนักแสดง, รางวัลแบฟต้า รวมถึงรางวัลออสการ์
ในปี 2004 วิลเลี่ยมส์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยมจาก The Station Agent ในปี 2007 เธอก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมของ Independent Spirit Award ในผลงานเรื่อง Land of Plenty ของผู้กำกับ วิม เวนเดอร์ ต่อมาในปี 2009 การแสดงนำในหนังเรื่อง Wendy and Lucy ก็ทำให้ วิลเลี่ยมส์ ได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก สมาคมนักวิจารณ์โตรอนโต้ และถูกเสนอชื่อเข้าชิง Independent Spirit Award เป็นครั้งที่สาม
ผลงานเรื่องอื่นของ วิลเลี่ยมส์ ก็ยังมี Incendiary ที่แสดงคู่กับ ยวน แม็คเกรเกอร์, Synecdoche New York ของผู้กำกับ ชาร์ลี คอฟแมน, I'm Not There ของผู้กำกับ ท็อดด์ เฮย์เนส, The Hottest State ของ อีธาน ฮอว์ค รวมถึงผลงานล่าสุดอย่าง Shutter Island ของผู้กำกับ มาร์ติน สกอเซซี่ย์ ที่เธอแสดงร่วมกับ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ
วิลเลี่ยมส์ ยังมีผลงานละครเวที โดยได้รับเสียงชื่นชมกึก้องจากการแสดงเป็น วาร์ย่า จากบทประพันธ์ของ เชคคอฟ เรื่อง The Cherry Orchard ที่เปิดการแสดงในเทศกาลละครวิลเลี่ยมส์ทาวน์ โดยเธอยังมีผลงานละครเรื่อง Smelling a Rat ของ ไมค์ ลีห์ และ Killer Joe ที่โรงละครแซมมวล บัคเก็ตต์ส
เฟธ วลาไดก้า (รับบทเป็น แฟรงกี้)
ผลงาน >>> One Life to Live (ซีรี่ย์)
ไมค์ โวเกล (รับบทเป็น บ็อบบี้)
ผลงาน >>> Cloverfield, Poseidon, The Texas Chainsaw Massacre
ประวัติทีมสร้าง
เดเร็ค เซียนฟรานซ์ (ผู้กำกับ / เขียนบท)
เดเร็ค จบจากมหาวิทยาลัยโคโลราโด้ เอกภาพยนตร์ เขาเรียนกับตำนานของวงการผู้กำกับอย่าง สแตน แบร็คเก็ตส์ และ ฟิล โซโลมอน โดยผลงานหนังทดลองของเขาทั้งสามเรื่องได้รับรางวัลสูงสุดของมหาวิทยาลัยทุกเรื่อง ซึ่งเปิดโอกาสให้เขาได้กำกับหนังครั้งแรกเรื่อง Brother Tied เมื่ออายุได้ 23 ปี หนังของเขาถูกคัดเลือกให้เข้าไปฉายในเทศกาลหนังซันแด๊นซ์ โดย โจนาธาร รอมนี่ย์ นักวิจารณ์จากหนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดี้ยนส์ ได้กล่าวถึงหนังเรื่องนี้ว่า "หนังอิสระจากอเมริกาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบหลายปี" โดยหนังตะเวนฉายไปกว่า 30 เทศกาลหนังทั่วโลก และได้รับรางวัลมาถึง 6 รางวัล
ด้วยประสบการณ์จากการทำหนังเรื่องแรก เดเร็ค ก็ได้เข้าไปสู่โลกของการทำสารคดีที่เข้าไปสำรวจถึงประเด็นต่างๆที่เขาสนใจ เขาได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังอย่าง มอส เดฟ, ฌอน คอมป์, รัน-ดีเอ็มซี, คาซานดร้า วิลสัน และ แอนนี่ เลนน็อกซ์ ทำเขาสารคดีที่เกี่ยวกับการต่อสู้แบบ MMA ที่ชื่อ Cagefighter และการดิ้นรนของนักบาสเก็ตบอลในเมืองใหญ่ใน Battlegrounds รวมถึงการพูดถึงวัฒนธรรมของคนเชื้อสายสเปนในอเมริกาใน Street of Legend ที่ทำให้เขาได้รับรางวัล Cinematography Award จากเทศกาลหนังซันแด๊นซ์
เดเร็ค กำกับโฆษณาให้กับสินค้าชื่อดังมากมาย รวมถึงแคมเปญในอินเตอร์เน็ตที่ชื่อ Meet the Lucky Ones ที่ได้รับรางวัล Adweek ในปี 2004 และสารคดีที่ถ่ายทอดทางอินเตอร์เน็ต Ford: Bold Moves ที่ได้รับรางวัลมากมาย
ลีเน็ตต์ โฮเวลล์ (ผู้อำนวยการสร้าง)
ผลงาน >>> Half Nelson, Phoebe in Wonderland, The Greatest
อังเดร์ พาเร็ค (ผู้กำกับภาพ)
ผลงาน >>> Half Nelson, The Yards, August, Cold Souls
อินเบล ไวน์เบิร์ค (ผู้ออกแบบงานสร้าง)
ผลงาน >>> Frozen River, Half Nelson, The Girl from Monday