นายลาภทวี เสนะวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 บริษัทมียอดขายสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 5,958 ล้านบาท และมีปริมาณขายรวมทั้งสิ้น 300,000 ตัน เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2/2553 — 2554 ซึ่งมียอดขายสุทธิ 6,761 ล้านบาทและมีปริมาณขาย 332,000 ตัน ลดลงร้อยละ 12 และ 10 ตามลำดับ อันเนื่องมาจากสภาวะพิบัติภัยธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่เป็นบริเวณกว้างทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อความต้องการของทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ รวมทั้งราคาขายเฉลี่ยไตรมาสนี้อยู่ที่ตันละ 19,900 บาท ลดลงจากไตรมาสก่อนตันละ 500 บาท สืบเนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้เกิดการแข่งขันราคาที่รุนแรงจากเหล็กลวดนำเข้า เป็นผลให้ราคาขายเหล็กลวดลดลง”
“เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3/2552 — 2553 ซึ่งมียอดขายสุทธิ 5,661 ล้านบาท จากปริมาณขาย 294,000 ตัน ถือว่าเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 5 และ 2 ตามลำดับ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านราคาเศษเหล็กและเหล็กแท่งในต่างประเทศซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อน”
นายลาภทวี เสนะวงษ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “สืบเนื่องจากราคาขายเฉลี่ยในไตรมาสที่ 3/2553 — 2554 ได้ลดลงตันละ 500 บาท ขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นตันละ 1,000 บาท อันเนื่องมาจากราคาและผลกระทบจากสัดส่วนการใช้วัตถุดิบหลัก ซึ่งมีราคาสูงเป็นผลทำให้กำไรขั้นต้นลดลงตันละ 1,500 บาท จึงส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 677 ล้านบาท”
“อย่างไรก็ตาม ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ยังคงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ของปีธุรกิจบริษัท (มกราคม — มีนาคม 2554) จะมีทิศทางที่สดใสมากยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากปัจจัยบวกจากแรงหนุนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะข้างหน้า อีกทั้งการผลักดันโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดความต้องการใช้เหล็กในประเทศมีทิศทางที่จะเพิ่มสูงขึ้น” นายลาภทวี เสนะวงษ์ กล่าว