นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ(คต.) กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ในปัจจุบันการค้าชายแดนเป็นเรื่องที่ความสำคัญและเป็นปัจจัยสนับสนุนภาคการส่งออกของไทย โดยในปีที่ผ่านมา (๒๕๕๓) การค้าชายแดนของไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยมีมูลค่าการค้ารวม ๗๗๘,๐๖๙ ล้านบาท ซึ่งไทยเป็นฝ่ายได้ดุลจากการค้าชายแดนสูงถึง ๑๙๔,๙๑๙ ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไทยที่จะขยายโอกาสทางการค้าควรให้ความสนใจและจับตามองเป็นพิเศษ สำหรับเครื่องมือที่ผู้ประกอบการควรนำมาใช้ในการขยายโอกาสทางการค้าในการค้าชายแดน คือการใช้ประโยชน์จาก “ถิ่นกำเนิดสินค้า”
ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการใช้ประโยชน์จากถิ่นกำเนิดสินค้า ป้องกันการถูกแอบอ้าง ปกป้องผลประโยชน์ต่อภาคการส่งออก และภาคการผลิตของไทยในการค้าชายแดน คต.จึงได้จัดสัมมนาดังกล่าวขึ้นโดยมีหัวข้อสัมมนาที่สำคัญ ดังนี้
๑ .การเพิ่มรายได้จากการส่งออกด้วยการค้าชายแดน
๒.จะค้าจะขายต้องเข้าใจถิ่นกำเนิด
๓. ลดต้นทุนทางการค้าด้วยหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า
๔.การป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า: ผลประโยชน์ที่ต้องปกป้อง นอกจากนี้ยังเปิดคลินิกให้คำปรึกษา วิธีปฏิบัติ ขั้นตอนต่างๆ
ในการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าและการทำการค้าชายแดนอีกด้วย สำหรับผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ผู้ส่งออก หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่สนใจเข้าร่วมสัมมนาสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักบริหารการนำเข้ากรมการค้าต่างประเทศ โทร ๐๒๕๔๗๕๐๘๔ โทรสาร ๐๒ ๕๔๗๔๘๐๗ www.dft.go.th / สำนักงานการค้าต่างประเทศ เขต ๕ (หนองคาย) โทร. ๐ ๔๒๔๑๓๓๗๓ โทรสาร.๐๔๒๔๑๓๓๗๖ [email protected] โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถิ่นกำเนิดสินค้า และการค้าชายแดน เป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้อง มิอาจละเลย จะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจควบคู่กันไปเพื่อจะได้นำไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และลดต้นทุนทางการค้าในการค้าชายแดนให้แก่ผู้ประกอบการไทยได้