มานพ มีจำรัส หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “ครูนาย” ศิลปินเจ้าของรางวัลศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี 2548 และผู้อำนวยการสวนศิลป์บ้านดิน จังหวัดราชบุรี ร่วมเปิดเผยประสบการณ์ “การเป็นครูผู้เปิดเวทีให้เด็กๆ” จัดขึ้นโดยอุทยานการเรียนรู้ TK park เมื่อเร็วๆ นี้
นำความรู้ สู่บ้านเกิด.....ก่อเกิด ‘สวนศิลป์บ้านดิน’
ครูนาย มานพ มีจำรัส เล่าให้ฟังว่า เริ่มต้นการเป็นศิลปินกับภัทราวดีเธียเตอร์ ในปี 2535 หลังจากนั้นได้รับทุนจากโรงละครเพื่อไปศึกษาศิลปะการแสดง การเต้นรำ และนาฏศิลป์ รูปแบบต่างๆ Ballet, Modern Dance, Butoh, Acrobat ศิลปะชวา บาหลี ในหลายประเทศทั่วโลก อาทิ แคนาดา ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส หลังจากที่ประสบความสำเร็จจึงนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้ มาถ่ายทอดให้คนในชุมชนเจ็ดเสมียน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง
ที่นี่..ครูนายได้สร้าง “สวนศิลป์บ้านดิน” ขึ้นเพื่อเป็นเวทีที่เปิดกว้างให้โอกาสเติมเต็มความฝันแก่เด็กๆ เหมือนครั้งหนึ่งในวัยเด็กที่ครูนายเคยโหยหามาก่อน โดยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้เป็นกันเองแบบครอบครัว เด็กๆ ได้อยู่กับธรรมชาติ และเรียนรู้จากสิ่งใกล้ตัว
“รู้สึกดีที่ได้เปิดโอกาสให้เด็กๆ เหมือนกับตอนนั้นที่เราต้องวิ่งหาโอกาส ต้องผ่านอะไรมามาก ถ้าเราเปิดโอกาส มันจะมีค่ากับคนคนหนึ่งมากแค่ไหน เพียงโอกาสก็สามารถสร้างคนที่มีคุณค่าให้เขาได้ให้โอกาสกับคนอื่นๆ ต่อไป แต่เราเป็นเพียงผู้ประคับประคองเท่านั้น ไม่ใช่ผู้กำหนด เราไม่ใช่เจ้าของชีวิต เพราะถ้าคิดว่าเราเป็นเจ้าของชีวิต เด็กเหล่านั้นก็จะไม่ได้พัฒนาอะไร แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเราเป็นแค่ผู้ประคับประคอง เราจะได้เห็นสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่าง และสวยงาม เราจะเห็นต้นไม้หลากหลายที่เติบโตขึ้นไม่ได้มีเพียงต้นกล้วย แต่ต้องให้เด็กกำความฉลาดไว้ในมือของเขาเอง ไม่ใช่ความฉลาดอยู่ที่ครู” ครูนาย กล่าว
ปลูกฝังนิสัยการเป็นนักแสดงที่ดี ไม่ใช่แค่..แสดงเป็น!!
การแสดงไม่ใช่แค่การให้วิชาความรู้ แต่เป็นการถ่ายทอดจิตวิญญาณนักแสดง ครูนายจึงไม่ได้ให้แค่วิชาความรู้ด้านการแสดง แต่เน้นการสร้างคนที่มีคุณภาพ ปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีเพื่อให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี นอกจากการสอนด้านการแสดงแล้ว ครูนายยังให้การอบรมสั่งสอนเด็กๆ รู้จักการทำงานบ้าน อาทิ กวาดบ้าน เก็บขยะ สอนวิธีการเข้าสังคม การกิน สอนเรื่องรสนิยม รู้จักเลือก รู้จักใช้ รู้จักประยุกต์สิ่งที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์
“เราจะสอนให้เด็กๆ ใช้ขยะที่คนทิ้งมาสร้างสรรค์เป็นสิ่งใหม่ เราใช้สิ่งเก่า แล้วเอาความรู้ที่เรามีอยู่มาทำให้มันเป็นสิ่งใหม่ที่มีค่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นการฝึกเด็กให้มีความคิดสร้างสรรค์ การแสดงเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์เช่นกัน”
ส่วนการสอนการแสดง ครูนายจะให้เด็กๆ ได้เรียนรู้กับรุ่นพี่และคุณครู ทั้งนี้เพื่อให้เด็กๆ ได้เกิดการเรียนรู้เทคนิคจากครู และพี่ๆ เทคนิคการสอนอีกอย่างหนึ่งคือ การสอนให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ ไม่ได้แค่ท่องจำ
ณัฏฐพร เมฆสุวรรณ หรือน้องนัท ลูกศิษย์รุ่นแรกของครูนาย ผู้มีความฝันอยากเป็นนักแสดงจึงได้เข้ามาเรียนที่สวนศิลป์บ้านดินแห่งนี้ เล่าให้ฟังว่า “ รู้สึกประทับใจกับวิธีการสอนของครูนาย ที่ไม่เหมือนคนอื่น เช่น เวลาไปโรงเรียนครูส่วนใหญ่มักจะสอนแต่ในระบบการเรียน แต่ครูนายนั้น เวลาสอนจะตีกลอง แล้วจะถามเราก่อนว่า ตีกลองเพื่ออะไร ตอนแรกก็ไม่เข้าใจ เราก็ตอบไม่ได้ ครูนายก็ให้เรากลับไปคิด หลังจากนั้นเราก็เริ่มคิดว่าเราตีไปเพื่ออะไร ตีไปให้ใครดู ต้องคิดว่าทำไมเราถึงตี พอผ่านไปสักพัก ครูนายก็จะถามว่าเพลงนี้ใครเป็นคนแต่ง แต่งไปเพื่ออะไร ทำไมเขาแต่ง เราก็ต้องไปสืบค้นหาประวัติ มันทำให้เราเข้าใจสิ่งที่เราจะทำ และถ่ายทอดออกมาได้อย่างถูกต้อง”
การสอนของครูนายจะไม่ใช่การสอนแค่ในห้องเรียน แต่ครูนายจะใช้ทุกๆ เวลา ทุกๆ ที่รอบสวนศิลป์บ้านดิน สอนและปลูกฝังการแสดงให้แก่เด็กๆ น้องนัท กล่าวเสริมว่า “ครูนายให้ไปขุดดิน ตอนแรกๆ ก็ไม่รู้ว่าให้ขุดไปทำไม เราก็ขุดไปเรื่อยๆ พอนานขึ้น ครูนายก็บอกว่าแสดงว่าพวกเราไม่ได้เอาความรู้เกี่ยวกับด้านดนตรีมาใช้ เพราะขนาดขุดดินยังขุดไม่เป็นจังหวะ จากนั้นทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่ครูนายให้ทำนั้น เป็นการฝึกจังหวะไปด้วย ถือเป็นการสอนที่แปลกและสนุก”
ด้าน “น้องจอย” หรือ นารีรัตน์ อ่อนลมุล ยอมรับว่า ตอนแรกที่เข้ามาเรียนที่สวนศิลป์บ้านดิน เพราะถูกพ่อแม่บังคับ ตนเองไม่ชอบด้านนี้ ไม่มีความถนัดทางด้านดนตรี แต่ด้วยการสอนที่น่าประทับใจ สนุกสนาน และการดูแลเอาใจใส่จากครูนาย ทำให้วันนี้สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิดและกล้าแสดงออก รวมทั้งยังได้เปลี่ยนแปลงตนเองให้กลายเป็นคนที่มีระเบียบวินัยมากขึ้น เพราะจากคำสั่งสอนของครูนายที่สอนพวกเราในทุกๆ เรื่อง แม้กระทั่งการพับผ้า จากเดิมตนไม่ค่อยจัดตู้เสื้อผ้า แต่เดี๋ยวนี้เราต้องเรียบร้อย และการมีระเบียบวินัยและยังช่วยในการซ้อมดนตรี เช่นเดียวกับการเป็นนักแสดงที่ดีก็ต้องมีระเบียบ”
ขณะที่ “น้องอ๊อด” หรือ ธนภัทร์ สันติบุปผากุล ยอมรับว่า แม้จะเพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่นานเพียง 8 เดือน แต่ที่นี่ก็ทำให้ได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง นอกจากจะได้ความรู้ด้านการแสดงและดนตรีแล้ว ยังได้ฝึกฝนตนเองหลายๆ ด้าน แต่ก่อนเป็นคนไม่ตรงเวลา ทำอะไรช้า แต่มาอยู่ที่นี่จะเน้นเรื่องความตรงต่อเวลา และระเบียบวินัย ทำให้เราต้องแบ่งเวลาให้เป็น ต้องฝึกฝนตัวเองทุกวัน ตอนนี้ก็มีเปลี่ยนแปลงไปเยอะ คือ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ตรงต่อเวลา และมีระเบียบวินัย”
ด้วยการสอนที่เอาใจใส่ทุกรายละเอียดของครูนาย มานพ มีจำรัส ทำให้เด็กๆ ที่มาเรียน ณ สวนศิลป์บ้านดินแห่งนี้ รู้สึกประทับใจ และมีความสุขกับการเรียน การสอน ที่สำคัญเด็กๆ ยังได้เรียนรู้ถึงการเป็นนักแสดงที่ดีที่ไม่ได้แค่แสดงเป็น แต่มีคุณลักษณะนิสัยที่ดีด้วย….จะเห็นได้ว่าการจะสร้างคนที่มีคุณภาพ หากใช่แต่การใส่แค่วิชาความรู้ แต่ครูผู้สอนต้องใส่ใจและสนใจทุกรายละเอียด สอนทั้งวิชาความรู้ และวิชาชีวิต จึงจะทำให้ได้คนที่สมบูรณ์แบบที่มีทั้งความรู้ และคุณลักษณะที่ดี พร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคมต่อไป
ประชาสัมพันธ์ ในนาม TK park
โทร.02-270-1350-4 ต่อ 115