นายชัยรัตน์ ชูประภาวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงศ์บราเดอร์ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงภายใต้แบรนด์ “MAXXMA”(แม็กซ์ม่า) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะบุกตลาดบ้านจัดสรรมากขึ้น เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา และแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอีกประมาณ 10% ในปีนี้ เห็นได้จากการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมใหม่จำนวนมาก รวมถึงมีอาคารสำนักงานที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีกหลายอาคาร ทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจฟิล์มกรองแสง จึงจะขยายตลาดฟิล์มกรองแสงเข้าสู่อาคารสูง ทั้งคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน รวมถึงบ้านพักอาศัยอย่างจริงจังในปีนี้
“การเข้าสู่ธุรกิจบ้านจัดสรรครั้งนี้ มีความมั่นใจมากว่าจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากธุรกิจของครอบครัวเป็นผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้าง และเคยลงทุนโครงการบ้านจัดสรร อีกทั้งความต้องการสินค้าที่ช่วยทำให้บ้านเย็นลงมีมากขึ้น เห็นได้จากความต้องการฉนวนลดความร้อนที่มียอดขายเติบโตขึ้น และผู้ผลิตสีก็ผลิตสีที่ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า” นายชัยรัตน์กล่าว
สำหรับนโยบายด้านการตลาดนั้น จะดำเนินการในเชิงรุก ด้วยการสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น ผ่านการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ โดยตั้งงบการตลาดรวมโฆษณาประชาสัมพันธ์ไว้กว่า 10% ของยอดขาย และจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนจำหน่าย คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงลูกค้า โดยมีทีมงานที่ดูแลตัวแทนจำหน่ายโดยเฉพาะเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันกับตัวแทนจำหน่ายเป็นอย่างดี ซึ่งจะมีการอบรมและสอนวิธีการติดฟิล์มกรองแสงที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถใช้งานได้ดีและมีอายุการใช้งานที่ดี ขณะเดียวกัน จะมีการให้รางวัลพิเศษ สำหรับตัวแทนจำหน่ายที่สามารถสร้างยอดขายตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ เช่น การให้ส่วนลด การแจกทองคำ หรือการมอบแพ็กเกจทัวร์ นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมร่วมกับตัวแทนจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า โดยจะให้บริการหลังการขายที่ดี สำหรับลูกค้าที่มีปัญหาสามารถเข้ามาให้แก้ไขหรือเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงใหม่ได้ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งบริษัทกล้ารับประกันนานถึง 7 ปี
การบุกตลาดบ้านจัดสรรครั้งนี้ บริษัทจะเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่มาก อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา ไม่มีคู่แข่งเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจัง โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทเน้นทำตลาดผ่านลูกค้าองค์กรเป็นหลัก ซึ่งมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนใช้ฟิล์มกรองแสง MAXXMA หลายแห่ง เช่น ท่าอากาศยานนครพนม อาคาร ASIG ในสนามบินสุวรรณภูมิ คลังสินค้าในเขต Free Zone ในสนามบินสุวรรณภูมิ หอผู้ป่วยเด็กปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ TK Park Central World ,อาคารสำนักงานและโครงการบ้านสวนแหลมทอง 2 และพัฒนาการ 28 เป็นต้น
ทั้งนี้ จะมีทีมขายตรงถึงโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งในเบื้องต้นจะเข้าไปคุยกับเจ้าของโครงการ เพื่อให้ติดฟิล์มกรองแสงภายในบ้าน หรืออาคาร ทดแทนการใช้ผ้าม่าน หรือมูลี่ เพราะการใช้ฟิล์มกรองแสง นอกจากจะช่วยลดความร้อนทำให้บ้านเย็นลง และประหยัดค่าไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ ทำให้สีไม่ซีด อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นการตกแต่งได้ด้วย เพราะฟิล์มกรองแสงมีให้เลือกหลายสี และมีลวดลายด้วย
โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนที่จะนำเข้าฟิล์มกรองแสงที่มีลวดลาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าร่วมกับผู้ผลิต เพื่อผลิตฟิล์มกรองแสงที่มีลวดลายเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการสินค้าที่มีนวัตกรรม
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า บริษัทมีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 200 ราย ทั่วประเทศ และมีแผนที่จะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 10-15% เพื่อให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยจะขยายไปในพื้นที่ที่มีจุดอ่อน คือในเขตกรุงเทพฯเป็นหลัก เพราะมีพื้นที่เกิดใหม่จำนวนมาก อีกทั้งบางพื้นที่บริษัทยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายให้บริการ อาทิ คลองเตย ดินแดง ปทุมวัน เป็นต้น โดยใช้งบประมาณสำหรับการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายรวมกว่า 1 ล้านบาท
ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายที่มียอดขายดีอย่างสม่ำเสมอประมาณ 50% หรือเฉลี่ยมียอดขายปีละ 400,000-500,000 บาท โดยบริษัทจะเน้นการจัดโปรโมชั่นกับลูกค้า และเพิ่มรางวัลให้กับตัวแทนจำหน่าย เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ตัวแทนจำหน่ายเลือกขายฟิล์มกรองแสง MAXXMA
ส่วนสภาพการแข่งขันนั้น คาดว่าการแข่งขันจะรุนแรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนมากขึ้น ทำให้ความต้องการวัสดุอุปกรณ์เพื่อลดความร้อนมีมากขึ้นด้วย ซึ่งผู้จัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรายอื่นน่าจะเตรียมบุกตลาดนี้ด้วย บริษัทในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายที่มีประสบการณ์มานานกว่า 10 ปี จึงเตรียมบุกตลาดก่อนคู่แข่ง โดยมีเป้าหมายเป็นผู้นำตลาดติดอันดับ 1 ใน 5 โดยชูจุดเด่นที่เป็นฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพสูง จากประเทศเกาหลี ที่ใช้เทคโนโลยี และกระบวนการผลิต ตลอดจนขั้นตอนการตรวจสอบจากประเทศอเมริกา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง
ด้านผลประกอบการในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายประมาณ 40 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้นในปีนี้ประมาณ 20% และคาดว่าหลังจากที่บุกตลาดในปีนี้ จะทำให้ยอดขายในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน