ฟู้ดแอนด์ดริ๊งส์ เผย ยอดขายในประเทศเติบโตสูง หนุนผลประกอบการ ปี 2553 มีกำไรสุทธิ 65.5 ล้านบาท

อังคาร ๐๑ มีนาคม ๒๐๑๑ ๑๓:๒๙
นายเกษม ดีไมตรี กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ฟู้ดแอนด์ดริ๊งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการของบริษัทในปี 2553 มีกำไรสุทธิ 65.5 ล้านบาท ซึ่งรวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม จำนวน 30.5 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 4.37 บาท และมีมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น ณ 31ธันวาคม 2553 เท่ากับ 35.12 บาท ตามลำดับ ซึ่งถือว่าผลการดำเนินงานที่ออกมา อยู่ในระดับที่น่าพอใจอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจ ที่มีความผันผวน ในช่วงปีที่ผ่านมา

“การที่บริษัทสามารถรักษาระดับผลกำไรไว้ได้อย่างน่าพอใจนั้น สืบเนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายในประเทศเพิ่มขึ้น ถึง 56.77% แม้การผันผวนจากค่าเงินบาท ทำให้การส่งออกทำได้ยากขึ้น และความไม่สงบในประเทศที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง” นายเกษม กล่าว

ทั้งนี้ แม้ในส่วนของกำไรขั้นต้นของบริษัท จะลดลง 9 ล้านบาท จากปีก่อนหน้า แต่ก็ได้รับการชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลงใกล้เคียงกัน จำนวน 6 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิเฉพาะกิจการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 35.9 ล้านบาท แต่เมื่อบริษัททำการบันทึก ส่วนแบ่งกำไร จากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ตามวิธีส่วนได้เสีย โดยบันทึกส่วนแบ่งกำไรลดลง 6 ล้านบาท เป็นสาเหตุ ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี 2553 เท่ากับ 65.5 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 ซึ่งมีกำไรสุทธิหลังหักภาษีเท่ากับ 72.6 ล้านบาท

ข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท ฟู้ดแอนด์ดริ๊งส์จำกัด (มหาชน)

บริษัทฟู้ดแอนด์ดริ๊งส์ จำกัด (มหาชน)ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2528เพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจอาหารแปรรูป ในปัจจุบัน ธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือ การรับผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มกระป๋องรวมทั้งอาหารแช่เยือกแข็ง โดยทั้งนี้ชนิดของอาหารจะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า นอกจากนั้น บริษัทยังได้ทำการผลิตและส่งออก สำหรับสินค้าภายใต้ตราสินค้า ซัมเมอร์ซี่งเป็นตราสินค้าของบริษัทเองอีกด้วย

ในปี 2552ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุน จำนวน 2,500,000 หุ้น ในระหว่างปี ได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ส่งผลให้ฐานะการเงินของ บริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยมี อัตราส่วนของหนี้ ต่อ อัตราส่วนของผู้ถือหุ้น จาก 1 : 2 เท่า ปรับเป็น 0 : 6 เท่าและมูลค่าทางบัญชีต่อผู้ถือหุ้นปรับตัวขึ้นเป็น 31.66 บาท ณ สิ้นปี 2552 และบริษัทได้ทำการจ่ายปันผลที่ 0.91 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2553 ตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้นำเงินจากเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทร่วมทุนมารวมด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ