นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา กลุ่มธนชาตดำเนินธุรกิจที่ยึดเอาประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก (Customer Centricity) และรับผิดชอบต่อสังคมอย่างจริงจัง โดยใช้แนวคิด “ริเริ่ม เติมเต็ม” ทำให้กิจการของลูกค้าและธนาคารเติบโตก้าวหน้าไปพร้อมกัน และเมื่อมีการควบรวมกับธนาคารนครหลวงไทยก็ยิ่งทำให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งและขยายความสามารถในการให้บริการลูกค้าได้กว้างขวางและหลากหลายมากยิ่งขึ้น
สำหรับการดำเนินธุรกิจนั้น เมื่อธนาคารฯ ได้เข้าถือหุ้นและควบรวมธนาคารนครหลวงไทย 99.95% แล้ว ทรัพย์สินของธนาคารธนชาตเติบโตขึ้นอย่างมาก สามารถก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 5 ของประเทศ มีสินทรัพย์รวม 8.72 แสนล้าน ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งด้านทุนของธนาคาร เมื่อรวมกับผลการดำเนินงานที่ดีมาก และเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 116.4% ในปี 2553 มีช่องทางในการให้บริการลูกค้าทั้งที่เป็นลูกค้าบุคคลและลูกค้าสถาบันได้มากขึ้น ในธุรกิจที่หลากหลายยิ่งขึ้น ยิ่งทำให้รากฐานของธนาคารธนชาตมีความมั่นคงและพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างยิ่ง ตั้งเป้าอีก 2-3 ปีมูลค่าสินทรัพย์จะทะลุเป็นล้านล้านบาท
“ผลจากการควบรวม จะทำให้เรามีความพร้อมทั้งด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการ เราจะมีสาขาไว้คอยบริการลูกค้ามากขึ้นเป็นกว่า 678 สาขาทั่วประเทศ มีเครื่องเอทีเอ็มเพิ่มขึ้นเป็น 2,181 เครื่อง เชื่อว่าลูกค้าที่มีอยู่กว่า 3,800,000 คนของเราจะได้รับบริการที่ดี ครบวงจรจากพนักงานที่มีอยู่กว่า 16,000 คนของเรา มั่นใจได้ว่านอกจากเป็นธนาคารที่ใหญ่แล้ว ยังจะมีบริการที่เป็นเลิศอีกด้วย”
ในปัจจุบันธนาคารฯ มีบริการทางการเงินที่ครบวงจรเช่นเดียวกับธนาคารอันดับต้นๆ อื่นๆของประเทศ มีบริการทั้งลูกค้าบุคคลทั่วไป (Retail) อาทิ เงินฝาก ตั๋วแลกเงิน สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ประกันภัย ประกันชีวิต นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ บริหารจัดการกองทุน และอื่นๆ รวมทั้ง บริการด้านลูกค้าภาคธุรกิจ (Corporate and SMEs) อาทิ สินเชื่อภาคธุรกิจและ SMEs ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และอื่นๆ ซึ่งบริการเหล่านี้ ธนาคารฯ พร้อมที่จะทำธุรกิจเชิงรุกอย่างเต็มที่ โดยอาศัยความ
เชี่ยวชาญของธนาคารธนชาต ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านลูกค้ารายย่อย ธนาคารนครหลวงไทย เชี่ยวชาญด้านลูกค้าภาคธุรกิจ และสโกเทียแบงก์ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศและระบบงานที่เป็นมาตรฐานสากลในส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวกับรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ธนาคารฯ มีความถนัดและเป็นผู้นำตัวจริงในธุรกิจนี้ ธนาคารฯยังคงให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าด้านรถยนต์อย่างครบวงจร โดยจะยังคงให้บริการด้านสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เพื่อให้ลูกค้ามีรถได้ง่ายขึ้นด้วยข้อเสนอที่ยากแก่การปฏิเสธ ขณะเดียวกันก็รองรับผู้ที่มีรถยนต์และมีความจำเป็นต้องใช้เงินสดด้วยสินเชื่อรถแลกเงิน (Cash Your Car) ที่เน้นให้บริการด้วยความฉับไว ทันใจลูกค้า หากลูกค้าต้องการทำประกันภัยรถยนต์ ธนาคารก็มีทางเลือกการทำประกันภัยรถยนต์ที่หลากหลายคุ้มค่า ในราคาเบาๆ เริ่มต้นแค่ 10,000 บาทต่อปีกับประกันภัย One lite เมื่อจะเติมน้ำมันและใช้บัตรเครดิตธนชาตไดร์ฟของธนาคารก็จะได้รับเงินคืนสูงถึง 10% ซึ่งเป็นทางเลือกที่เชื่อว่าน่าจะจุใจแก่ลูกค้าของธนาคาร
ทางด้านการลงทุนก็เช่นเดียวกัน นายสมเจตน์กล่าวว่าธนาคารธนชาตและนครหลวงไทยได้ผนึกกำลังกันให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าในโครงการขนาดใหญ่ขององค์กรขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับชาติและนานาชาติหลายแห่ง อาทิ การบินไทย ปตท. ปตท.สผ. ซีพี เป็นต้น
นายสมเจตน์ กล่าวถึง การรับโอนและการโอนกิจการระหว่างธนชาตและนครหลวงไทย ว่าเป็นไปโดยราบรื่น คาดว่าจะได้รับการอนุมัติแผนการควบรวมกิจการแบบเบ็ดเสร็จจากธนาคารแห่งประเทศไทยในไตรมาสที่ 1 ปี 2554 ซึ่งภายหลังการควบรวมกิจการแล้วเสร็จ จะใช้ชื่อว่า“ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)”“ดีเดย์ของเราคือไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ในฐานะธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศเรามีความพร้อมแล้วทุกอย่าง เรามีผู้เชี่ยวชาญจากทั้งธนาคารธนชาต นครหลวงไทย และสโกเทียแบงก์ มีทีมไอทีจากบริษัทชั้นนำระดับโลกปฏิบัติการสนับสนุน มีทีมวางแผนการควบรวม 30 ทีม โดยมีผู้บริหาร 300 คนจากธนชาตและนครหลวงไทยร่วมกันวางแผนปฏิบัติการการควบรวมครั้งนี้และพร้อมแล้วที่จะสร้างมิติใหม่ๆ ของการให้บริการลูกค้าที่ครบครัน ครบเครื่อง หลากหลายและทั่วถึง ซึ่งเราเชื่อว่าบริการที่ดีของเราจะสร้างการเติบโตของลูกค้าและธนาคารไปพร้อมๆ กัน เราจะรุกทั้งในระดับประเทศ และมุ่งก้าวไกลสู่ระดับสากล ด้วยเครือข่ายของสโกเทียแบงก์ พันธมิตรของเราที่ได้รับความเชื่อถือระดับโลก เราเชื่อว่าเราจะสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับทั้งลูกค้า ผู้มาใช้บริการ ผู้ถือหุ้น และสังคมที่เราจะเข้าไปเติมเต็มช่วยเหลือสังคมทุกภาคส่วน ด้วยความเชี่ยวชาญและรับผิดชอบต่อสังคม” นายสมเจตน์ กล่าว