ปลัดกีฬา กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ ๔๒, ๔๓, ๔๔ และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๙, ๓๐, ๓๑ นั้น ได้กำหนดกรอบและหลักเกณฑ์การพิจารณา ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของการกีฬาแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการคัดเลือกเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติและกีฬาเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐ ซึ่งมีหลักการสำคัญ คือ มีความพร้อมของจังหวัดที่เสนอขอรับเป็นเจ้าภาพ เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางด้านการจัดการแข่งขันกีฬาสูง ทั้งในด้านของสนามกีฬา ชนิดกีฬา ที่พักนักกีฬา บุคลากรที่จัดการแข่งขัน การสื่อสาร และด้านการจัดการจราจร ซึ่งส่งเสริมให้มีการกระจายโอกาสทั้งห้าภาค และไม่มีการแบ่งระดับและขนาดของจังหวัด โดยคำนึงถึงงบประมาณจากภาครัฐ ในการจัดการแข่งขัน รวมถึงพิธีเปิดและพิธีปิด น้อยที่สุด ซึ่งทางการกีฬาแห่งประเทศไทยจะเปิดโอกาสให้จังหวัดต่างๆที่สนใจ เข้ามาแสดงรายละเอียดต่างๆในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขัน โดยจะต้องเป็นไปตามระเบียบของการพิจารณา ทั้งนี้จะสอดคล้องกับปฏิทินการคัดเลือกฯ และต้องเป็นไปอย่างกระชับรวดเร็ว โดย ณ ขณะนี้มีจังหวัดที่ตอบรับเสนอขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ จำนวน ๙ จังหวัด คือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครพนม จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดระนอง ในส่วนของกีฬาเยาวชนแห่งชาติ มีการเสนอตัวการเป็นเจ้าภาพกีฬาเยาวชนแห่งชาติ จำนวน ๘ จังหวัด คือ จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครพนม จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดจันทบุรี จังหวัดแพร่ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดพิจิตร และจังหวัดกระบี่ โดยจะคัดเลือกจังหวัดในแต่ละประเภทของการเสนอตัวประเภทละ ๓ จังหวัดตามลำดับ
นายสมบัติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในขณะนี้การแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆของประเทศไทยได้รับความนิยมจากประชาชนชาวไทย มากขึ้นตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี และตนต้องการส่งเสริมให้มีการยกระดับการจัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติ ในทุกๆด้าน รวมทั้ง นักกีฬา สนามกีฬา การจัดการแข่งขัน การรักษาความปลอดภัย ให้ทัดเทียมและเทียบเท่ากับการจัดการแข่งขันกีฬาระดับสากล โดยการคัดเลือกนั้น จะเลือกเจ้าภาพที่มีความพร้อมที่สุด