นายส่งศักดิ์ ลิมบานเย็น รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( บีโอไอ ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 5 — 8 เมษายน 2554 บีโอไอร่วมกับสภาธุรกิจไทย —บังคลาเทศ ( Thai — Bangladesh Business Council ) และหอการค้าบังคลาเทศ จัดกิจกรรมเปิดตลาดการค้าและการลงทุน ณ เมืองดาการ์ ประเทศบังคลาเทศ ในชื่อ ไทยแลนด์วีค แอด ดาการ์ ( Thailand Week at Dhaka ) เพื่อเปิดโอกาสการลงทุนของนักลงทุนไทยไปสู่ประเทศบังคลาเทศ และสร้างโอกาสให้เกิดควา มร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจ
กิจกรรมหลักครั้งนี้ จะเป็นการนำคณะนักลงทุนไทยไปศึกษาลู่ทางการลงทุนพร้อมกับการโปรโมทอุตสาหกรรมของไทยที่มีศักยภาพ อาทิอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป อุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่บังคลาเทศสนใจเป็นพันธมิตรทางการลงทุนร่วมกัน นอกจากนั้นยังได้จัดเวทีเจรจาธุรกิจเพื่อต่อยอดการลงทุนให้กับนักลงทุนทั้ง 2 ประเทศ
“ บีโอไอเห็นโอกาสขยายการลงทุนไปบังคลาเทศ หลังจากที่บังคลาเทศกำลังลดการนำเข้าสินค้าจากอินเดียลง ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความสนใจอันดับต้น ๆ จากความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าของไทย ” รองเลขาธิการบีโอไอกล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมที่นักลงทุนไทยควรเข้าไปทำตลาดในบังกลาเทศนั้น ได้แก่ อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป เนื่องจากบังคลาเทศได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าจากสหภาพยุโรป ( อียู ) และสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากนักลงทุนไทยสามารถผลิตสินค้าที่บังคลาเทศได้ ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีช่วยลดต้นทุนด้านการผลิตลง ขณะเดียวกันบังคลาเทศยังต้องการสินค้าภาคบริการอีกมาก เพราะภาครัฐบาลสนับสนุนและเปิดโอกาสใช้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนอย่างเต็มที่ โดยมีอุตสาหกรรมที่ต้องการเร่งด่วน อาทิ พลังงานทดแทน เครื่องใช้ไฟฟ้า และธุรกิจรักษาพยาบาล
บังคลาเทศเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชียใต้ มีอัตราการเจริญเติบโตอยู่ระหว่างร้อยละ 4.4-6.6 โดยภาคการผลิตที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ การเกษตรและประมง ขณะที่นักลงทุนไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในบังคลาเทศแล้วนั้น ได้แก่บริษัท คาลอล ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (บีดี) จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงทุนกับรัฐบาลบังคลาเทศ ก่อสร้างทางด่วน-เพื่อแก้ปัญหาการจราจร
สำหรับผู้ประกอบการไทยในสาขาพลังงาน เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง และธุรกิจบริการที่สนใจร่วมเดินทางไปศึกษาลู่ทางการลงทุนครั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โทรศัพท์ 02 — 583- 2017 หรือ 089 — 199 — 6934