1. การปรับมูลค่าทุนการศึกษาในประเทศ ส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว และอนุมัติในหลักการให้ปรับมูลค่าทุนการศึกษา ส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวได้โดยอัตโนมัติ กรณีที่สำนักงาน ก.พ. ปรับบัญชีโครงสร้างเงินเดือนใหม่
2. การปรับค่าใช้จ่ายสนับสนุนการจัดการศึกษานักเรียนทุน พสวท. ในประเทศ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของศูนย์โรงเรียนและศูนย์มหาวิทยาลัย การจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์เพื่อใช้สำหรับโครงงานวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์โรงเรียน ค่าใช้จ่ายสนับสนุนทุนวิจัยสำหรับบัณฑิต พสวท. แรกบรรจุ
3. การปรับจำนวนทุนการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ เป็น 180 ทุน เพื่อให้การสร้างกำลังคนในอนาคตของชาติ (ด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์) ที่มีคุณภาพสูงและมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และลดปัญหาการขาดแคลนกำลังคนฯ คณะรัฐมนตรีอนุมัติเพิ่มจำนวนทุนการศึกษาจากปีละ 130 ทุน เป็น ปีละ 180 ทุน โดยจัดสรรเป็นทุนการศึกษาในประเทศ 135 ทุน และทุนการศึกษาต่างประเทศ 45 ทุน
4. อนุมัติการเพิ่มจำนวนศูนย์โรงเรียนและศูนย์มหาวิทยาลัย เป็น 20 ศูนย์ อนุมัติการปรับเพิ่มจำนวนศูนย์โรงเรียนจาก 7 ศูนย์ เป็น 10 ศูนย์ และเพิ่มศูนย์มหาวิทยาลัยจาก 7 ศูนย์ เป็น 10 ศูนย์ รวมเป็น 20 เพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนไทยให้ทั่วถึงในภูมิภาคต่างๆ และเพื่อช่วยให้ผู้รับทุน พสวท. ไม่ต้องจากบิดามารดาและผู้ปกครองไปศึกษาในสถานศึกษาที่อยู่ไกลจากภูมิลำเนาเดิม ศูนย์ฯ ที่เพิ่มขึ้นจะกระจายอยู่ในภาคต่างๆ ได้แก่ ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ภาคละ 1 ศูนย์
นอกจากนั้น ยังได้มีการปรับกลยุทธ์ทุนผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย นายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนเองได้ผลักดันให้ ครม อนุมัติการปรับแผนการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2555 — 2560) โดยทุนการศึกษายังคงมีเท่าเดิม ปีละ 580 ทุน แต่ปรับเปลี่ยนทุนแบ่งออกเป็น 2ประเภท ได้แก่ ทุนประเภทที่ 1 Premium จำนวนปีละ 400 ทุน เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโททางการศึกษาหรือหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา ที่มุ่งเน้นการสร้างครูเพื่อสอนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และวิชาคอมพิวเตอร์ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นลำดับแรก
ทุนประเภทที่ 2 Super Premium จำนวนปีละ 180 ทุน เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโททางการศึกษาหรือหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา ที่มุ่งเน้นการสร้างครูสอนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และวิชาคอมพิวเตอร์ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อ
“การปรับรูปแบบของโครงการ สควค. นอกจากปรับเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์การได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของคุรุสภาแล้ว ยังคำนึงถึงความต้องการของโรงเรียน โดยเฉพาะสังกัด สพฐ. ที่เปิดสอนห้องเรียนพิเศษทางวิทยาศาสตร์จำนวนมาก นอกจากนั้น สพฐ. ยังได้จัดให้มีกลุ่มโรงเรียนมาตรฐานสากล และกลุ่มโรงเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการสอน (EP Program) เพิ่มขึ้น ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ในกลุ่มโรงเรียนเหล่านี้ นอกจากต้องมีพื้นฐานทางวิชาการดีเยี่ยม มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอน และมีความเป็นครูดีเยี่ยมแล้ว ยังต้องมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย โดยปรับรูปแบบการผลิตครูจากเดิม เป็น การให้ทุนการศึกษาแก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์ (วท.บ.) เพื่อศึกษาต่อหลักสูตรระดับปริญญาโททางการศึกษาตามเกณฑ์ของ สกอ. และจะได้ใบประกอบวิชาชีพครูตามเกณฑ์ของคุรุสภาโดยอัตโนมัติ” รมช. ไชยยศ กล่าว