ตามที่ ก.ล.ต. ได้เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 ว่า คณะกรรมการเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับนายอัถวุฒิ ไผ่ไชย และนายปฏิญญาพิทยานุภากร เป็นจำนวนเงิน 16,071,788.32 บาท และ 4,563,791.25 บาท ตามลำดับ กรณีมีส่วนรู้เห็นหรือตกลงกับบุคคลอื่นในการซื้อขายหุ้น TWZ ในลักษณะสร้างราคา เพื่อชักจูงให้บุคคลทั่วไปเข้าทำการซื้อหรือขายหุ้นนั้น อันเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 243 (2) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา นั้น เนื่องจากบุคคลทั้งสองไม่ชำระค่าปรับตามคำสั่งของคณะกรรมการเปรียบเทียบ ก.ล.ต. จึงจำเป็นต้องกล่าวโทษนายอัถวุฒิ และนายปฏิญญา ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้สอบสวนและดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษบุคคลอีก 2 ราย คือ นางสาวณัฐวดี จินดาประเสริฐ และนายนกรณ์ธนสรกรชัชชล ซึ่งมีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า มีส่วนรู้เห็นหรือตกลงในการกระทำความผิดข้างต้นโดยนางสาวณัฐวดี ได้ร่วมกับนายอัถวุฒิและนายปฏิญญาซื้อขายหุ้น TWZ ในลักษณะสร้างราคา ชักจูงให้บุคคลทั่วไปเข้าทำการซื้อหรือขายหุ้น ส่วนนายนกรณ์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดให้ความร่วมมือในการจัดการเกี่ยวกับระบบอินเตอร์เน็ตที่บัญชีของนางสาวณัฐวดี นายอัถวุฒิ และนายปฏิญญาใช้ในการซื้อขายหุ้น TWZ ในลักษณะสร้างราคา โดยนางสาวณัฐวดี และนายนกรณ์ไม่ยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบจากคณะกรรมการเปรียบเทียบ
นอกจากนี้ เนื่องจากนายนกรณ์ ธนสรกรชัชชล (หรือในขณะเกิดเหตุชื่อนายนภดล ตู้พิทักษ์ผล) มีฐานะเป็นบุคคลที่ได้รับความเห็นชอบให้เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน การถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษด้วยเหตุกระทำการอันไม่เป็นธรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์ตามที่กล่าวข้างต้น เป็นเหตุให้นายนกรณ์เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามประกาศที่เกี่ยวข้องตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี และเป็นผลให้
นายนกรณ์ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนได้ต่อไป
อนึ่ง การกล่าวโทษเป็นจุดเริ่มต้นของการนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งผู้ถูกกล่าวโทษยังมีสิทธิจะพิสูจน์การกระทำของตัวเองได้ต่อไป