นางโชติกา กล่าวว่า กองทุนที่เปิดจำหน่ายประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 4M1 (SCBFI4M1 ) อายุ 4 เดือน คาดผลตอบแทนประมาณ 2.75% ต่อปี มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอิสราเอล โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือจากฟิทช์เรทติ้งส์ อยู่ที่ F1 มีสัดส่วนการลงทุน 55% เงินฝากธนาคาร Union National Bank ในสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ ที่ F1 สัดส่วน 24% และตั๋วแลกเงินธนาคารนครหลวงไทย สัดส่วน 21% อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ ที่ F1+ พร้อมปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) เรียบร้อยแล้ว โดยเสนอขายตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 2554
ส่วนอีก 3 กองทุน จะเสนอขายพร้อมกันระหว่างวันที่ 29 มีนาคม-4 เมษายน 2554 คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6M13(SCBFI6M13 ) อายุ 6 เดือน คาดผลตอบแทน 2.75% ต่อปี เน้นลงทุนในเงินฝากธนาคาร HSBC Middle East สัดส่วน 20% เงินฝากธนาคาร Union Nation Bank ในสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ 25% โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือจากฟิทช์เรทติ้งส์ อยู่ที่ F1+/F1 ส่วนที่เหลือลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 55% ซึ่งได้ปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) เรียบร้อยแล้วและอีก 2 กองทุนเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นในประเทศ อายุ 3 เดือน คือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ในประเทศ 3M1 (SCBLFI3M1) คาดผลตอบแทน 2.25% ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 30% เงินฝากธนาคารออมสิน 25% หุ้นกู้ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) 25% และตั๋วแลกเงินธนาคารนครหลวงไทย 20% มีอันดับความน่าเชื่อถือจากฟิทช์เรทติ้งส์อยู่ที่ F1+ และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 3M45 (SCBGB3M45) คาดผลตอบแทน 2.15% ลงทุนในตั๋วเงินคลัง 99% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำธนาคารไทยพาณิชย์
สำหรบผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา ตัวแทนจำหน่าย และ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6