นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าสายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Picha Ratanatam, Head of Wealth Management, TISCO Bank Plc.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารได้เปิดตัว “ทิสโก้ เวลธ์” บริการบริหารความมั่งคั่งอย่างครบวงจร ทั้งเงินฝาก จัดการกองทุน และซื้อขายหลักทรัพย์ สำหรับลูกค้าธนบดี (Wealth clients) ของกลุ่มทิสโก้ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการครองตำแหน่งการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนที่ดีที่สุด หรือ “The Best Investment Advisory in Town” และเป็นทางเลือกแรกของลูกค้าเมื่อต้องการลงทุน
เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว “ทิสโก้ เวลธ์” จึงได้พัฒนารูปแบบของการให้บริการที่ครบครันด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการลงทุน โดยได้นำเสนอข้อมูล Expert's View บนเวบไซต์ www.tiscowealth.com ซึ่งเป็นรายงานภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนรายเดือน โดยเจาะลึกถึงแนวโน้มของการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ทั้งเงินฝากและตราสารหนี้ ตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นต่างประเทศ และสินค้าโภคภัณฑ์
“Expert's View จัดทำโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงร่วมกันประเมินถึงภาวะตลาดและการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วง ที่จะเป็นช่วยให้การตัดสินใจด้านการลงทุนเป็นไปอย่างรอบด้านมากยิ่งขึ้น โดยสำหรับลูกค้าทิสโก้ เวลธ์ เราจะให้บริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยนำเสนอทั้ง Expert's View และการจัดทำ Wealth Model ซึ่งเป็นโมเดลการลงทุนที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ความมุ่งมั่นของเรา ในการเป็นที่ปรึกษาการเงินและการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าอย่างแท้จริง” นายพิชา กล่าว
นอกจากนี้ ล่าสุด “ทิสโก้ เวลธ์” ยังได้เปิดศูนย์รับรองลูกค้า “ทิสโก้ เวลธ์ เลานจ์” (TISCO Wealth Lounge” ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 1 อาคารทิสโก้ทาวเวอร์ ที่ได้จัดสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นศูนย์รับรองลูกค้าธนบดีโดยเฉพาะ โดยจะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์รับรองดังกล่าว เพื่อคอยให้บริการและให้คำปรึกษาด้านการลงทุนอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
ทิสโก้ เวลธ์ ให้มุมมองเศรษฐกิจ-การลงทุน เดือนเมษายน
ทั้งนี้ นายพิชา ได้ให้ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนประจำเดือน เม.ย. ว่า ทิสโก้ เวลธ์ คาดว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวที่ดี และเหตุการณ์ความเสียหายในประเทศญี่ปุ่นน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเพียงเล็กน้อย โดยในภาพรวมเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ทั้งปี จะมีการเติบโตที่ 4.7%
ทางด้านแนวโน้มเงินฝากและตราสารหนี้ ทิสโก้เวลธ์ คาดแนวโน้มการปรับขึ้นของดอกเบี้ยนโยบาย โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีแรกของปีนี้ ตามทิศทางเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารต่างๆ เร่งปรับดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ตามการปรับขึ้นของดอกเบี้ยนโยบาย เช่นเดียวกับตลาดตราสารหนี้ ที่คาดว่าผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นจะมีการปรับขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโยบายด้วยเช่นกัน ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ในช่วงนี้ คือเน้นลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน 6 เดือน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น
สำหรับภาวะตลาดหุ้นไทย ทิสโก้ เวลธ์ คาดเป้าหมายดัชนีฯ ในปี 2011 ไว้ที่ 1,200 จุด โดยในช่วงเดือน เม.ย. นี้เป็นโอกาสในการสะสมหุ้นไทย เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนคือ เม็ดเงินทุนที่ไหลเข้าเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาลงทุน ประกอบกับความเสี่ยงขาลงของตลาดหุ้นไทย (Downside risk) อยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มีปัจจัยไม่คาดคิดเข้ามากระทบ อาทิ ความไม่สงบในแอฟริกาเหนือ และแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น แต่ตลาดหุ้นไทยปรับลดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะยุบสภาในสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. และเลือกตั้งในช่วง มิ.ย. - ก.ค. ซึ่งจากข้อมูลในอดีต การประกาศยุบสภาซึ่งเป็นไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วมักจะไม่กระทบต่อดัชนีฯ
ทางด้านตลาดหุ้นต่างประเทศ ทิสโก้ เวลธ์ คาดว่าเงินทุนโลกจะเคลื่อนย้ายจากกลุ่มประเทศยุโรป และสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำมัน เข้าสู่ตลาดหุ้นในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) และสหรัฐ เนื่องจากเอเชียเป็นภูมิภาคที่เติบโตสูงที่สุดในโลก และเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน โดยหากพิจารณาเป็นรายประเทศ ทิสโก้ เวลธ์ เชื่อว่าการลงทุนในตลาดหุ้นจีนยังคงน่าสนใจสูงสุด เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อจะคลี่คลายในช่วงครึ่งปีหลัง และส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนกลีบมาให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 8-10% ในอีก 5 ปีข้างหน้า ประกอบกับราคาหุ้นไม่แพง โดยปัจจุบันตลาดหุ้นจีน (HSCEI) ซื้อขายอยู่ที่ P/E 2011 ที่ไม่ถึง 11 เท่า ต่ำกว่าในอดีตและตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค
สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ ทิสโก้ เวลธ์ แนะนำการขายทำกำไรในกองทุนน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวเข้าใกล้เป้าหมาย และสถานการณ์ความขัดแย้งในลิเบีย มีโอกาสคลี่คลายในเร็ววันนี้ โดยปริมาณการผลิตน้ำมันจากลิเบียถือเป็นแค่ส่วนน้อยของทั้งโลก และปริมาณการผลิตน้ำมันสำรองใน OPEC เพียงพอชดเชย ส่วนราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากความกังวลเรื่องเหตุความขัดแย้งในลิเบีย และความกังวลด้านปัญหาหนี้ในยุโรป จึงแนะนำทยอยขายทำกำไรทองคำที่ราคา 1,450 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์
อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารทิสโก้ที่โดดเด่น และ เหมาะกับการลงทุนในภาวะเศรษฐกิจตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น ประกอบด้วย บัญชีเงินฝากซุปเปอร์ออมทรัพย์ สำหรับวงเงิน 1 แสน - 1 ล้านบาท ที่ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นเป็น 2% ต่อปี ถือว่าเป็นระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับในตลาด และยังมีความคล่องตัวสูงสามารถถอนได้เดือนละ 2 ครั้ง และตั๋วแลกเงิน (บีอี) อายุ 4 เดือน วงเงิน 5 แสนบาทขึ้นไป ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2.6% รวมถึง กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า H-Shares อิควิตี้ ที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นของจีน และสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เสาวนีย์ สันทบ ฝ่ายนิเทศสัมพันธ์ บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
โทร. 02 633 6906