แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงความพยายามในการพัฒนาระบบการจัดการความเสี่ยงและสถานะทางธุรกิจให้ดีขึ้นจากสถานะทางการตลาดของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นและการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถดำรงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจให้เช่าดำเนินงานรถยนต์โดยการเพิ่มความหลากหลายของฐานลูกค้าและรักษาฐานลูกค้ารายสำคัญกลุ่มเดิมพร้อมไปกับการรักษาระดับคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีเอาไว้ได้ นอกจากนี้ บริษัทจะต้องรักษาสมดุลย์ของผลประกอบการเอาไว้ให้ได้ในขณะที่จะต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้เป็นไปตามความคาดหมายของทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทภัทรลิสซิ่งยังคงรักษาสถานะผู้นำในตลาดเช่าดำเนินงานรถยนต์เอาไว้ได้ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด ณ สิ้นปี 2552 ที่ระดับ 20.4% ของสินทรัพย์ให้เช่ารวมของผู้ประกอบการรายใหญ่ 30 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง โดยส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 17.9% ในปี 2551 บริษัทให้บริการเช่าดำเนินงานและเช่าทางการเงินแก่ลูกค้านิติบุคคลที่เป็นบริษัทขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 บริษัทมีสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิภายใต้สัญญาเช่าดำเนินงานจำนวน 6,372 ล้านบาท และมีลูกหนี้สินเชื่อให้เช่าการเงินจำนวน 907 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจาก 5,145 ล้านบาทและ 775 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 การมีเครือข่ายบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศและการมีฐานเงินทุนที่สูงเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นช่วยเพิ่มระดับความสามารถของบริษัทในการให้บริการแก่ลูกค้ารายใหญ่ แต่ก็ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงสูงจากการกระจุกตัวของฐานลูกค้าทั้งในด้านการผิดนัดชำระหนี้และการพึ่งพิงรายได้จากลูกค้ารายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้บรรเทาลงจากการมีคุณภาพเครดิตที่ค่อนข้างดีของลูกค้ารายใหญ่ นอกจากนี้ ลูกค้ารายใหญ่ทั้ง 20 รายของบริษัทยังมีปริมาณสินทรัพย์ให้เช่าที่กระจายตัวมากขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม
ความเชี่ยวชาญในธุรกิจ รวมทั้งผลงานที่ได้รับการยอมรับ และความมีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจให้เช่าดำเนินงานเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยเสริมให้บริษัทภัทรลิสซิ่งสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยยอดสินทรัพย์ให้เช่าใหม่ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 1,054 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2549 (ตุลาคม 2548-กันยายน 2549) เป็น 2,198 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2551 และในรอบปีบัญชี 2552 ที่แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวย กระนั้นสินทรัพย์ให้เช่าใหม่ก็ยังอยู่ที่ระดับ 2,113 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับรอบปีบัญชี 2551 สินทรัพย์ให้เช่าใหม่เพิ่มสูงขึ้นถึง 62% เป็น 3,422 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2553 (มกราคม-ธันวาคม 2553) โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงรอบปีบัญชีเพื่อให้สอดคล้องกับปีปฏิทินแทนการสิ้นสุด ณ เดือนกันยายน โดยรอบปีบัญชีใหม่เต็มปีแรกคือปีบัญชี 2553
หลังจากที่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในปี 2549 ตัวแทนของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต โดย
ผ่านทางคณะกรรมการบริษัท ได้สนับสนุนความพยายามของบริษัทในการพัฒนาระบบการจัดการความเสี่ยง ทั้งนี้ ระบบการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวดมีส่วนช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์เมื่อบริษัทขยายธุรกิจไปสู่สินทรัพย์ประเภทอื่นซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าสินทรัพย์ประเภทรถยนต์ การบริหารสินทรัพย์ดังกล่าวส่วนใหญ่ดำเนินการภายใต้สัญญาเช่าทางการเงิน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สำหรับสัญญาเช่าทางการเงินจะอยู่ในระดับที่ต่ำเพียง 0.11% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 แต่ความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์สำหรับสัญญาเช่าทางการเงินนั้นยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์เนื่องจากขนาดของสินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพียงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น
ในอนาคตอันใกล้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะความเป็นผู้นำในตลาดและส่งเสริมระดับผลประกอบการให้เพิ่มสูงขึ้นทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในรอบปีบัญชี 2553 (มกราคม-ธันวาคม 2553) บริษัทภัทรลิสซิ่งมีกำไรสุทธิ 281 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 28% จากรอบปีบัญชี 2552 (ตุลาคม 2551-กันยายน 2552) อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเท่ากับ 3.83% ในรอบปีบัญชี 2553 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.80% ในรอบปีบัญชี 2552 แต่ลดลงจาก 4.2% ในรอบปีบัญชี 2551 ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเพิ่มการตั้งสำรองทั่วไปสำหรับหนี้ปกติตามการขยายตัวของสินเชื่อเช่าการเงิน การแข่งขันที่รุนแรงยังคงเป็นปัจจัยกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัท การมีผลประกอบการที่น่าพอใจมาตั้งแต่ปี 2550 นั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่บริษัทได้รับจากการลงทุนในสินทรัพย์เช่าดำเนินงานตามประกาศของอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 156) ซึ่งผลประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวสิ้นสุดเมื่อปีบัญชี 2553 ดังนั้น จึงคาดว่าผลประกอบการในรอบปีบัญชี 2554 จะลดลง ซึ่งผลประกอบการที่ลดลงดังกล่าวเป็นประเด็นที่ใช้ประกอบการพิจารณาอันดับเครดิตด้วย
บริษัทใช้เงินทุนจากการกู้ยืมในการขยายฐานสินทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2553 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 3.12 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 2.54 เท่า ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 และจากที่คาดว่าความสามารถในการทำกำไรจะยังคงได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง รวมทั้งไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการทางภาษีอากรดังเช่นในช่วงที่ผ่านมา ก็อาจส่งผลให้กำไรสะสมของบริษัทที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตไม่เพียงพอที่จะเพิ่มฐานทุนจนถึงระดับที่จะทำให้โครงสร้างเงินทุนมีความแข็งแกร่งขึ้นได้ แม้ว่าระดับฐานทุนในปัจจุบันของบริษัทจะยังคงเพียงพอในการขยายขนาดสินทรัพย์ให้เช่าตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่ทริสเรทติ้งยังคาดหวังที่จะเห็นบริษัทปรับเพิ่มระดับผลประกอบการหรือควบคุมอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่คาดไว้ บริษัทรักษานโยบายการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินที่เข้มงวดด้วยการบริหารอายุของหนี้ผ่านการกู้ยืมระยะยาวเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาของสัญญาเช่าสินทรัพย์
บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (PL)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
PL114A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 160 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ A-
PL11NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 140 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ A-
PL126A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A-
PL132A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive (บวก) จาก Stable (คงที่)