แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันประมูลงานโครงการภาครัฐและดำเนินนโยบายทางการเงินที่รอบคอบด้วยการควบคุมให้มีสภาพคล่องที่เหมาะสมเมื่อรับโครงการขนาดใหญ่ การที่บริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่นถือหุ้นบริษัทในสัดส่วนประมาณ 70% นั้นถือว่ามีผลต่ออันดับเครดิตของบริษัทเนื่องจากคุณภาพเครดิตของบริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่นมีอิทธิพลบางส่วนต่ออันดับเครดิตของบริษัทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทสามารถเทลคอมก่อตั้งโดยกลุ่มตระกูลวิไลลักษณ์ในปี 2529 โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนประมาณ 70% ณ สิ้นปี 2553 คือ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ลงทุนในกิจการสื่อสารโทรคมนาคมและโครงข่าย รวมทั้งให้บริการด้านวิศวกรรม สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทสามารถเทลคอมสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ครบวงจร บริษัทมีผลงานเป็นที่ยอมรับในโครงการที่หลากหลาย ความสามารถในการรับงานโครงการภาครัฐของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยสะท้อนจากความสำเร็จในการประมูลงานที่มีอย่างต่อเนื่อง รายได้บางส่วนของบริษัทซึ่งมาจากสัญญาให้บริการสื่อสารและซ่อมบำรุงรักษาระยะยาวช่วยให้บริษัทมีผลประกอบการที่สม่ำเสมอขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องทางการเงินในช่วงวงจรอุตสาหกรรมขาลง ในระยะสั้น บริษัทน่าจะยังมีรายได้หลักจากธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบซึ่งจะทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของมูลค่าโครงการและจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายด้านงบประมาณของภาครัฐ ส่วนในระยะปานกลาง โครงการรับเหมาติดตั้งระบบที่แล้วเสร็จในอดีตน่าจะช่วยเสริมธุรกิจของบริษัทในด้านการให้บริการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงระบบได้ ณ สิ้นปี 2553 มูลค่าโครงการในมือของบริษัท (Backlog) อยู่ที่ 3.65 พันล้านบาท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มมูลค่าโครงการในมือและรักษาฐานรายได้เอาไว้ได้ที่ประมาณ 6-8 พันล้านบาทต่อปี
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทสามารถเทลคอมมีความเสี่ยงจากความผันผวนในธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัทได้ ความผันผวนดังกล่าวสะท้อนถึงสัญญาที่มีรูปแบบเป็นงานรับเหมาครั้งเดียวซึ่งขนาดและมูลค่าของแต่ละโครงการมีความแตกต่างกันมาก นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนและความไม่ต่อเนื่องของงบประมาณการใช้จ่ายภาครัฐ ในขณะที่อันดับเครดิตของบริษัทยังได้รับแรงกดดันจากการที่ต้องพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่ เช่น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในระดับสูงด้วย
ทริสเรทติ้งยังกล่าวถึงแนวโน้มความต้องการด้านการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารว่ายังมีอยู่สูง การขยายตัวทางเศรษฐกิจน่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตด้านการสื่อสารข้อมูล ในปัจจุบัน โครงข่ายโทรคมนาคมของประเทศอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงจากระบบ Packet Switching มาสู่ระบบ Next Generation Network ในระยะยาว ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงระบบเครือข่ายสื่อสารให้สามารถแข่งขันได้ในภาวะที่โลกเข้าสู่ยุคการเปิดเสรีและโลกาภิวัตน์ในระดับที่เข้มข้นยิ่งขึ้น
อัตราส่วนกำไรของบริษัทสามารถเทลคอมลดลงตั้งแต่ปี 2550 เนื่องจากการเติบโตที่สูงขึ้นของธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบที่มีอัตรากำไรต่ำ การแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้นในธุรกิจรับเหมาก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่กดดันอัตรากำไรของบริษัท ทั้งนี้ ในระยะยาว อัตรากำไรน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาดูแลรักษาและซ่อมบำรุงระบบและธุรกิจลงทุนขยายโครงข่ายสื่อสารที่เพิ่มเติมจากโครงการในอดีต ภาระหนี้ของบริษัทปรับตัวขึ้นลงตามมูลค่าของโครงการในมือ โดยเงินกู้ส่วนใหญ่เป็นสัญญาโอนสิทธิรับเงินค่างานให้แก่ธนาคาร บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้ดังกล่าวต่อสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2553 อยู่ที่ 32% ทั้งนี้ อันดับเครดิตตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทมีโอกาสที่จะอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตของบริษัท 1 ขั้น ทริสเรทติ้งกล่าว
บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) (SAMTEL)
อันดับเครดิตองค์กร BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable