ไดนาสตี้ ตอกย้ำความเป็นหนึ่งเตรียมเพิ่มกำลังการผลิต พัฒนาระบบพร้อมอัดแคมเปญการตลาดเต็มสูบ

จันทร์ ๑๑ เมษายน ๒๐๑๑ ๑๑:๒๐
นายสัญชัย เจนจรัตน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด (มหาชน) ผู้นำอันดับหนึ่งในกลุ่มธุรกิจกระเบื้อง เปิดเผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาแม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ( Global Financial Crisis) และ ปัญหาทางการเมือง แต่ในส่วนของตลาดวัสดุการก่อสร้างหรือ Construction Material ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก โดยเฉพาะตลาดกระเบื้องกลับมีการขยายตัวของตลาดที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สี่มากกว่า 20% ซึ่งส่งผลให้ทางบริษัทไดนาสตี้มียอดขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากทางลูกค้าให้การตอบรับในเรื่อง คุณภาพสินค้า ที่มีคุณภาพ ราคาถูก และหาซื้อง่าย ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการขาย จึงทำให้บริษัทมียอดขายถึง 5.9 พันล้านบาท ซึ่งโตมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 16% และมีกำไร 995 ล้านบาท และมีการจ่ายปันผลมากกว่า 85% ตัวเลขนี้เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า บริษัทไดนาสตี้เซรามิค ได้ก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มธุรกิจกระเบื้องในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย จำนวนขาย กำไร หรือแม้กระทั่งต้นทุน

สำหรับในการพัฒนาของบริษัทในปีนี้ทางบริษัทจะเน้นในเรื่องของการผลิต เพื่อตอบสนองการเจริญเติบโตของตลาดกระเบื้อง โดยบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตอีก 3 เตาผลิต ซึ่งจะแล้วเสร็จทั้งหมดประมาณไตรมาสที่ 3 รวมทั้งสิ้นแล้วจะมีกำลังการผลิตถึง 58 ล้านตารางเมตรต่อปี จึงกล่าวได้ว่าบริษัทจะเป็นผู้ผลิตกระเบื้องที่เป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ในด้านของต้นทุน บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะวิจัยและพัฒนาในส่วนของวัตถุดิบ รวมไปถึงการควบคุมต้นทุนพลังงาน โดยการนำความร้อนกลับไปใช้ในกระบวนการผลิต ได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆจากอิตาลีเข้ามาเพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ และ คุณภาพของกระเบื้องในราคาต้นทุนที่ถูกอีกด้วย สำหรับในเรื่องงานระบบได้แก่ในการพัฒนาระบบคอมฯ นั้นขณะนี้บริษัทกำลังพัฒนาระบบใหม่เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารและวิเคราะห์ข้อมูลของแต่ละแผนก โดยยึดหลักการ รวมข้อมูลไว้ด้วยกัน (Information Centralized ) เพื่อที่จะให้การบริหาร การวิเคราะห์ และ การติดต่อสื่อสาร เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้านการตลาด บริษัทจะมีการขยายสาขาเพิ่ม 10-15 สาขาในปีนี้ เพื่อที่จะครอบคลุมจุดขายให้มากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อของลูกค้าให้มากที่สุด อีกทั้งในปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการจัดแคมเปญการตลาด เพื่อส่งเสริมการขายซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ภายใต้ชื่อว่า “กระเบื้องดังของไทย ขวัญใจมหาชน พุ่งสู่ความนิยมอันดับ 1” มีการแจกรถกระบะ 8 คัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 144 คันรวมไปถึงของรางวัลอื่นๆอีกมากมาย

นายสัญชัย กล่าวต่อไปว่าสำหรับสภาวะตลาดทั่วไปในปีนี้ ปัญหาการเมืองก็ยังคงมีอยู่ แต่ปัญหานี้ก็ได้มีมาติดต่อกันทุกๆปีจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาของประเทศไทย ซึ่งจากผลประกอบการในหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการเมืองไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัทแต่อย่างใด ในส่วนของผลผลิตทางการเกษตรก็อาจจะมีผลกระทบจากสภาวะแห้งแล้งบ้าง แต่เนื่องจากทางภาครัฐบาลยังคงให้ความสำคัญของอาชีพหลักของประเทศ และยังคงมีการสนับสนุนในส่วนของการเกษตรอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่นโครงการสร้างถนนเพิ่มในต่างจังหวัด โครงการรับประกันราคาข้าว โครงการไทยเข้มแข็ง โครงการต้นกล้าอาชีพ โครงการชุมชนพอเพียง รวมไปถึงอีกหลายๆโครงการ ซึ่งโครงการเหล่านี้จุดประสงค์หลักคือการพัฒนาชุมชนในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของทางบริษัท ด้วยเหตุนี้ประกอบกับการพัฒนาของบริษัทที่ได้กล่าวไว้แล้ว บริษัทตั้งเป้าสำหรับยอดขายของปีนี้ว่าจะมีการเจริญเติบโตถึง 15% จากปีที่แล้ว และยังคงนโยบายการจ่ายปันผลมากกว่า 85% อีกด้วย

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

คุณกนกรัตน์ วีรานุวัตติ์

[email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ