นายอนุสรณ์ เอมกมล ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ตามที่ บสย. ได้มีโครงการ Portfolio Guarantee Scheme แบบรายสถาบันการเงิน (PGS รายสถาบันการเงิน) ซึ่งมีวงเงินค้ำประกัน 10,000 ล้านบาท โดยไ ด้ออกโครงการดังกล่าวเมื่อเดือนธันวาคม 2553 เพื่อให้สถาบันการเงินที่ประสงค์ใช้บริการค้ำประกันกับ บสย. สามารถส่งลูกค้าเพื่อให้ บสย. ค้ำประกันให้กับลูกค้าของธนาคารอย่างต่อเนื่อง โดยมีธนาคารที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวจำนวน 7 ธนาคาร และ
ในขณะนี้วงเงินค้ำประกันดังกล่าวใกล้เต็ม เนื่องจาก บสย.ได้ให้การค้ำประกันกับผู้ประกอบการ SMEs ไปแล้วจำนวน 7,847.86 ล านบาท และมีคำขอให้ บสย. ค้ำประกันที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 138.40 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินค้ำประกันทั้งสิ้น 7,986.26 ล้านบาท ทำให้ บสย. คงเหลือวงเงินที่สามารถอนุมัติค้ำประกันได้อีกเพียง 2,013.74 ล้านบาท
นายอนุสรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับวงเงินอนุมัติค้ำประกันที่เหลืออยู่ บสย. จะพิจารณาการค้ำประกันตามลำดับก่อนหลังที่ธนาคารแต่ละแห่งส่งคำขอให้ บสย. ค้ำประกัน (First come first serve) และจะปิดรับพิจารณาคำขออนุมัติทันที ี่ครบวงเงิน 10,000 ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้ บสย. ได้แจ้งให้ธนาคารที่ร่วมโครงการทั้ง 8 แห่งได้ทราบถึงวงเงินคงเหลือดังกล่าว และขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการ SMEs รีบใช้บริการก่อนวงเงินดังกล่าวจะหมดลง
สำหรับธนาคารทั้ง 7 แห่งที่เข้าร่วมโครงการกับ บสย. ได้แก่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการ ส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารซิตี้แบงก์ และ บสย. ได้ให้การค้ำประกันกับผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มธุรกิจ (Cluster) สูงสุด 3 ลำดับแรกได้แก่ ลำดับที่ 1 การบริการ ลำดับที่ 2 การผลิตสินค้าและการค้าอื่น ๆ และลำดับที่ 3 อาหารและเครื่องดื่ม