31 ตค.- 2 พย.นี้ ไทยเป็นเจ้าภาพงานประชุมเครื่องสำอางโลก IFSCC 2011 พร้อมก้าวเป็นบิวตี้ ฮับแห่งเอเชีย

อังคาร ๑๒ เมษายน ๒๐๑๑ ๐๙:๑๑
รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ นายกสมาคมนักเคมีเครื่องสำอางแห่งประเทศไทย เผยธุรกิจอุตสาหกรรมเคมีเครื่องสำอางพุ่งโลดบนฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี จากการที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อสุขภาพความงามและส่งออกวัตถุดิบจากพืชผัก พฤกษชาติ และสมุนไพรสำหรับป้อนอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และอาหารเสริม มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 115,000 ล้านบาท ชี้ศักยภาพของประเทศไทยมีความพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นบิวตี้ฮับแห่งเอเซีย (Beauty & Wellness Hub of Asia) ช่วงปลายปี 31 ตค. — 2 พย.2554นี้ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเครื่องสำอางโลก หรือ IFSCC 2011 ที่โรงแรมเซ็นทารา แอท เซ็นทรัลเวิล์ด คาดว่ามีผู้เข้าประชุมทั้งผู้ประกอบการและนักวิจัยจาก 58 ประเทศทั่วโลก เชิญชวนผู้ประกอบการในประเทศไทยร่วมจองบูธนิทรรศการ เพื่อโอกาสขยายธุรกิจการค้าและแสดงศักยภาพของประเทศไทยบนเวทีโลก

รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ในฐานะประธานจัดงานประชุมเครื่องสำอางโลก และ นายกสมาคมนักเคมีเครื่องสำอางแห่งประเทศไทย กล่าวถึงตลาดเครื่องสำอาง และวัตถุดิบเคมีเครื่องสำอาง ว่า “เครื่องสำอางในยุคปัจจุบันก้าวหน้าไปไกล ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทั้งแชมพู สเปรย์ เจลใส่ผม ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ครีมล้างหน้า สกินแคร์ ครีมบำรุงหน้า บอดี้ครีม รวมไปถึงอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงามสำหรับทุกเพศทุกวัย เครื่องสำอางในปัจจุบัน จึงมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันควบคู่ไปกับช่วยเสริมสร้างสุขภาพและบุคลิกภาพความงามของคนทุกเพศทุกวัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพ มีการวิจัยพัฒนารูปแบบ คุณสมบัติและจุดเด่นที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละกลุ่มเป้าหมายออกมาให้เลือกใช้อย่างมากมายในตลาด และกระแสความนิยมในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เหล่านี้ทำให้ตลาดเครื่องสำอางเพื่อสุขภาพ และความงามมีขนาดใหญ่และเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ มูลค่าตลาดรวมเครื่องสำอางและส่งออกวัตถุดิบเคมีเครื่องสำอางจากสารสกัดจากธรรมชาติ พืชผัก พฤกษชาติ สมุนไพรของประเทศไทย ปี 2011ประมาณ 115,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาดเครื่องสำอางในประเทศ 50,000 ล้านบาท และตลาดวัตถุดิบเคมีเครื่องสำอางจากพืชผัก พฤกษชาติ สมุนไพรในประเทศและส่งออกปีละกว่า 65,000 ล้านบาท นับเป็นธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและการเติบโตอย่างรวดเร็ว

ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องสำอางที่สำคัญของแบรนด์ดังและตลาดขายตรงที่ส่งป้อนเพื่อขายในประเทศและภูมิภาคโลกด้วย ปัจจุบันวัตถุดิบ มี 2 ประเภท คือ เคมีสังเคราะห์ และ เคมีธรรมชาติ เทรนด์ทั่วโลกขณะนี้หันมาใช้เคมีธรรมชาติเพิ่มสูงมากขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้การส่งออกวัตถุดิบเคมีพืชผักสมุนไพรจากไทยเติบโตรวดเร็ว นับตั้งแต่ให้บริการวิเคราะห์วิจัยสูตรผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ทำค่ามาตรฐานของส่วนผสม จัดหาวัตถุดิบพืชผักพฤกษชาติสมุนไพร กระบวนการสกัดวัตถุดิบที่บริสุทธิ์ปลอดเชื้อ และให้มีโครงสร้างทางวิทยาศาสตร์และคุณสมบัติตามมาตรฐานที่ลูกค้ากำหนด รวมทั้งการผลิตสินค้าสำเร็จรูปและการส่งออกไปยังลูกค้า ตลาดใหญ่ คือ ประเทศญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็น 4 ประเทศที่เป็นอันดับต้นจาก 10 ประเทศ วัตถุดิบจากพืชผักสมุนไพรที่ตลาดต้องการนำไปเป็นส่วนผสมเครื่องสำอาง ได้แก่ หัวหอม กวาวเครือขาว กวาวเครือแดง มะเขือเทศ ขมิ้นชัน ไพล ตะไคร้ พริก เมล็ดองุ่น กระชายดำ มะรุม ทับทิม มังคุด น้ำมันรำข้าว กระเทียม ส่วนพืชสมุนไพรที่มีแนวโน้มความต้องการในอนาคต ได้แก่ โปรตีนจากรังไหม เปลือกมังคุด เมล็ดลำไย ข้าว คอลลาเจนจากเกล็ดปลา ฯลฯ ในด้านแนวโน้มเทรนด์เครื่องสำอางในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะเน้นผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวและควบคุมน้ำหนัก เช่น ไวเทนนิ่ง ส่วนเทรนด์ในปีนี้จะเน้นสุขภาพมากขึ้น คอลลาเจน และแอนตี้ เอจจิ้ง (Anti Aging) หรือการบำรุงชะลอวัย และผลิตภัณฑ์ที่รับประทานเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารเสริมช่วยรักษาโรคเลือด ความดันโลหิตสูง น้ำมันรำข้าว

อัตราการเติบโตตลาดรวมเครื่องสำอางและเคมีวัตถุดิบพืชผักสมุนไพรของไทย ปี 2010 เติบโตที่ 25% และคาดการณ์ว่า ปี 2011 จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 30% , ส่วนตลาดส่งออกปี 2010เติบโต 36% คาดการณ์ว่า ปี 2011 จะเติบโตมากขึ้นกว่า 35- 40%

นายกสมาคมนักเคมีเครื่องสำอางแห่งประเทศไทย กล่าวถึง ศักยภาพของประเทศไทยในตลาดการค้าอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ว่า “ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะก้าวเป็น บิวตี้ฮับแห่งเอเซีย (Beauty & Wellness Hub of Asia) เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์สภาพภูมิอากาศร้อนชื้น และภูมิประเทศที่เป็นพื้นที่ของป่าเบญจพรรณ จึงเป็นกำเนิดพืชผักและสมุนไพรหลากหลายชนิดและสายพันธุ์ ประกอบกับโลกหันมาให้ความสำคัญกับสารธรรมชาติและสมุนไพรในฐานะยาบำบัดมากขึ้น มีโรงงานผลิตกว่า 760 แห่งที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการผลิต ความรู้ความสามารถของบุคลากรวิจัย อีกทั้ง การเป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรม และการขนส่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในด้านของเทคโนโลยีเครื่องสำอาง การวิจัยและบริการแบบวิเคราะห์ทดสอบนับเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและการแปรรูปวัตถุดิบให้มีคุณภาพด้วยมาตรฐานสากล เนื่องด้วยการคัดเลือกวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์แปรรูปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย หากทำโดยขาดมาตรฐานการผลิตตามข้อกำหนด GMP(Good Manufacturing Practice และ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) จะทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติไม่สม่ำเสมอ และไม่เป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ ”

รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ กล่าวว่า “ในวันที่ 31 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2554 ประเทศไทย โดยสมาคมนักเคมีเครื่องสำอางแห่งประเทศไทย ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเครื่องสำอางโลก หรืองานประชุมสมาพันธ์นักเคมีเครื่องสำอางนานาชาติ IFSCC 2011 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด 3E คือ Effective, Economic, Ecological ซึ่งสื่อถึงเครื่องสำอางที่มีประสิทธิภาพซึ่งพิสูจน์ได้โดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ , ราคาคุ้มค่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, กรมส่งเสริมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์, สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีการวิจัยเครื่องสำอางตลอดจนแสดงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีโลกและการเป็นบิวตี้ฮับแห่งเอเซีย ( Beauty Hub & Wellness of Asia) ผู้เข้าประชุมกว่า 1,000 คนจาก 58 ประเทศ เป็นนักธุรกิจผู้ประกอบการ นักการตลาดเครื่องสำอางและสุขภาพความงามชั้นนำของโลก นักวิทยาศาสตร์ นักเคมีวิจัยและมืออาชีพ

ในงานนี้มี ไฮไลท์ของงาน IFSCC 2011 คือ การนำเสนอเทรนด์และนวัตกรรมจากงานวิจัยเครื่องสำอางล่าสุดของโลก การจัดเวิร์คช้อปให้คำแนะนำวิธีการและขั้นตอนการจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญา และบริเวณหน้างานเปิดเป็นบูธแสดงนิทรรศการเครื่องสำอางโลก Beauty Week และกิจกรรมที่น่าสนใจ ขณะนี้เปิดให้ผู้ประกอบการเครื่องสำอางและนวัตกรรมสุขภาพความงามในประเทศไทยจองล่วงหน้าจำนวนกว่า 150 บูธ ตั้งแต่วันนี้ - 30มิถุนายน 2554 ผู้สนใจติดต่อ โทร.02 -937-4377 , 089- 889-1002 หรือ [email protected]

ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการประชุม IFSCC 2011 เป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้นวัตกรรมและเทรนด์เครื่องสำอางโลก และโอกาสทางธุรกิจการค้าเครื่องสำอางและวัตถุดิบ ชูศักยภาพของประเทศไทยให้โดดเด่นในการก้าวเป็น Beauty & Wellness Hub บนเวทีโลก ประสานความร่วมมือระหว่างไทยกับนานาประเทศในด้านวิชาการ, ส่งเสริมการพบปะและเจรจาการค้าระหว่าง 58 ประเทศ, นำรายได้เงินตราจากการใช้จ่ายในการประชุมและท่องเที่ยวเข้าประเทศ พร้อมเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยในด้านการค้าอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ตลอดจนส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมการท่องเที่ยวและจุดหมายของการจัดประชุมแก่ผู้มาประชุมจากทั่วโลก

ญี่ปุ่นจัดได้ว่าเป็นประเทศเอเชียในอันดับต้นๆ ที่ประเทศไทยมีโอกาสส่งออกสารสกัดพืชธรรมชาติและสมุนไพร ตลาดพืชพันธุ์สมุนไพรในญี่ปุ่นมีมูลค่ารวมทั้งประเทศกว่า 1 แสนล้านบาทหรือ 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด ในขณะที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจด้านสุขภาพมากขึ้นเห็นได้จากแนวโน้มการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ตลอดจนผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลผิวและเครื่องสำอางต่างๆ หันมามีส่วนประกอบของสมุนไพรมากขึ้นและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มประเทศยุโรปจัดได้ว่าเป็นแหล่งผลิตพืชพันธุ์และสมุนไพรใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากจีน มีการปลูกและบริโภคสมุนไพรไม่น้อยกว่า 600 ชนิด และเป็นกลุ่มประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านกระบวนการแปรรูปและสกัดสมุนไพรจนเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก เยอรมันจัดเป็นประเทศที่นำเอาสมุนไพรมาเป็นส่วนประกอบเพื่อการรักษาและบำบัดโรคพื้นฐานถึงร้อยละ 40 ส่วนอังกฤษและฝรั่งเศสจัดเป็นประเทศที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และอาหารเสริมโดยมีส่วนประกอบของสมุนไพรมายาวนานและหลากหลายที่สุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO