“ ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำและโลหะเงินปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ มี 3 ประเด็นหลักๆ คือค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัว ความกังวลในภาวะเงินเฟ้อที่ลามจากฝั่งเอเชียไปสู่ยุโรป และกำลังจะคืบคลานเข้าสู่อเมริกา รวมถึงราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับทองคำแท่งในประเทศไทยก็ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 20,900 ถึงแม้มีแรงกดดันด้านค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างมาก โดยที่ค่าเงินบาทแข็งค่าจากที่ระดับ 30.20 บาท/ดอลล่าร์ มาอยู่ที่ระดับ 30.05 บาท/ดอลล่าร์ ในช่วงปลายสัปดาห์ โดยที่ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียก็ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกัน” น.พ. กฤชรัตน์ กล่าว
ประเด็นแรก เกิดจากค่าเงินดอลลาร์เองยังอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าในระยะหลังมีการพูดคุยกันถึงมาตรการ QE2 มากขึ้น หรือแม้กระทั้ง QE3 อาจจะมีหรือไม่มี สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตลาดก็คือ เม็ดเงินที่อัดฉีดเข้ามาในระบบ QE2 จะครบกำหนดในอีกสองเดือนข้างหน้าคือเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าวิเคราะห์ผลจากตัวเลขเศรษฐกิจ พบว่ายังไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าเทียบกับเม็ดเงินที่ใช้ไปอย่างมหาศาล โดยตัวเลขคนว่างงานปรับขึ้นมาในระดับแค่ 0.3% ณ ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 8.7% เท่านั้น เรียกว่าดีขึ้นแต่ไม่มาก ในขณะที่มีนักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขคนว่างงานที่น่าจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้นได้คนตกงานต้องต่ำกว่า 5% ซึ่งถือว่ายังห่างไกลจากเป้าหมายมาก ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ว่าจะเป็น ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน, ตัวเลขการจ้างงาน รวมไปถึงยอดขายบ้านใหม่ จะเห็นได้ว่าภาพรวมๆ จะเป็นลักษณะการโตเพราะการกระตุ้นจากมาตรการของสหรัฐ จึงสรุปได้ว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังไม่ได้ฟื้นตัวเท่าไหร่ และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหยุดภาวะ QE2 เพียงแค่นี้ หมดยากระตุ้นแล้วเศรษฐกิจจะฟุบลงรึเปล่า ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด
ประเด็นที่สอง ปัญหาในเรื่องภาวะเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างยิ่งและเป็นประเด็นสำคัญ รวมทั้งประเทศจีนที่เริ่มมีภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น ทำให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้และปรับขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่แล้วอีก 0.25% สู่ระดับ 3.25% ต่อปี ในขณะที่ประเทศไทยเอง ก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน จากระดับ 2 % มาเป็นระดับ 2.25 % ในขณะที่ ECB เองปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกันเพื่อที่จะควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งดัชนี CPI ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าเป้าหมายไปอย่างมากโดย ECB ตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 2% มาสู่ระดับ 2.6% ในขณะที่ตัวเลข CPI ของสหรัฐยังอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้หรืออยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากกำลังซื้อเองมีไม่สูงแต่แรงกดดันจากราคาน้ำมันที่สูงกว่าระดับ 100 เหรียญ/บาร์เรล และเป็นระยะนานกว่า 1 เดือนขึ้นไปย่อมจะส่งผลักดันต่อภาวะเงินเฟ้อต่อไปในเดือนข้างหน้าอย่างรุนแรง นักวิเคราะห์ในระดับโลกมองว่าโอกาสที่น้ำมันจะตกต่ำกว่า 100 เหรียญในเดือนเมษายนนั้นเป็นไปได้ยากมากหรืออาจจะเป็นไม่ได้เลยในเดือนเมษายน โดยทั่วไปยังมองว่าน้ำมันยังอยู่ในภาวะขาขึ้นเช่นเดียวกัน
ประเด็นที่สาม ราคาน้ำมันจะยังถูกกดดันต่อเนื่องจากภาวะความไม่สงบในลิเบียและโซนตะวันออกกลางผลักดันทำให้ราคาน้ำมันเองยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ณ ขณะนี้อยู่ที่ 113 เหรียญ/บาร์เรล สำหรับน้ำมัน NYMEX โอกาสที่จะเห็นความสงบในลิเบียต้องบอกว่าค่อนข้างยากหรือ แม้กระทั่งถึงจะสงบแล้วสภาวะการผลิตน้ำมันก็คงจะไม่สามารถกลับคืนมาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ จึงพอจะสรุปได้ว่าราคาน้ำมันน่าจะยืนอยู่เหนือระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรล อีกไม่น้อยกว่า 1 เดือนขึ้นไป
กล่าวโดยสรุปจะเห็นได้ว่าภาพรวมทั้งหมดคือความไม่สงบและความปั่นป่วนในภาวะเศรษฐกิจของโลกซึ่งมีโอกาสที่จะผลักดันทำให้ทุกจุดของเม็ดเงินในการลงทุนหันเข้ามาหาในทองคำที่ถือว่าเป็น Save haven ในตลาดโลกที่นักลงทุนไม่ว่าจะเป็นจีนและอินเดียรวมทั้งตะวันออกกลางเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ต่อเนื่องในขณะนี้ กลุ่ม Central Bank ก็เปลี่ยนบทบาทจากผู้ขายมาเป็นผู้ซื้อ ด้วยเหมือนกันจึงนับได้ว่าในขณะนี้การลงทุนในทองคำ ณ. ขณะนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งของโลก ในประเทศไทยเองก็จะเห็นได้ว่ามีการลงทุนในตลาด Gold Futures อย่างคึกคักและหนาแน่น สร้างปริมาณการซื้อขายทะลุระดับ 10,000 สัญญาเมื่อวันพฤหัสบดีนี้เอง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่นักลงทุนเองเข้าสู่ตลาดกันอย่างหนาแน่นทั้งในสัญญา 50 บาทและ 10 บาท
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงของการปรับฐานทำกำไรโดยปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับด้านล่างซึ่งแนวรับแรกอยู่ที่ 1452 เหรียญเราคาดว่าการปรับตัวน่าจะไม่มากเท่าไหร่และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1475 เหรียญ Oscillator ในรายชั่วโมงเริ่มเป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงการขายออกบ้าง
คำแนะนำ
ให้นักลงทุนทองคำแท่งทยอยเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวที่แนวรับที่ระดับ 20,650 และยังมองว่าระยะยาวทองคำยังเป็นขาขึ้นได้อยู่
สนใจลงทุนในทองคำแท่งและ Gold Futures ติดต่อบริษัท MTS Gold Group Call Center 02 222 5959
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บจก. วีม คอมมูนิเคชั่น
คุณศุภอัชฌ์ (เอ็ม) โทร, คุณภัทรเดช (เอ)