การร่วมลงแข่งครั้งนี้ ทำให้เจ้าหนูแซนดี้ ได้มีโอกาสสัมผัสสนาม ฮอคเก้นไฮมเซอร์กิต ซึ่งเป็นสนามเดียวกันกับที่ใช้แข่งฟอร์มูล่าวัน และยังได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ทำความคุ้นเคยกับการจัดการแข่งขันในมาตราฐานระดับยุโรปอีกด้วย แม้จะไม่เคยฝึกซ้อมในสนามนี้มาก่อน แซนดี้เองก็ได้มีการเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี ในช่วงเวลาที่อยู่เมืองไทย เขาเรียนรู้ไลน์สนามนี้จากการขับซิมูเลเตอร์ และฟิตซ้อมร่างกายให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้
เจ้าหนูแซนดี้ ได้เข้าร่วมการซ้อมครั้งที่ 1 ในวันศุกร์ช่วงเช้า ซึ่งถือเป็นช่วงที่เริ่มเรียนรู้สนาม ก็ทำความเร็วในลำดับที่ 24 จากจำนวนผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 28 คัน สำหรับการซ้อมครั้งที่ 2 รถของแซนดี้ถูกกักไว้อยู่ในพิตเลน กว่าจะออกมาซ้อมได้ก็เข้าไปสู่ช่วงครึ่งเวลาหลัง แต่ในช่วงแลปที่ 3 นั้นเอง เขาสามารถทำเวลาได้เร็วเป็นอันดับที่ 14
ช่วงควอลิฟาย
เอ็น อี ซี คัพ นั้น มีช่วงควอลิฟายอยู่ 2 ช่วง คลอลิฟายที่ 1 สำหรับการออกสตาร์ทในเรซที่ 1 ควอลิฟายครั้งที่ 2 สำหรับเรซที่ 2 ส่วนผลของการแข่งในเรซที่1 จะเป็นตัวกำหนดจุดออกสตาร์ทของผู้แข่งขันในเรซที่ 3
ในช่วงควอลิฟายที่1 แซนดี้หมุนพวงมาลัยมากเกินไป และเป็นกังวลกับการพยายามทำเวลาให้เร็ว ส่งผลให้เขาช้ากว่าการซ้อมครั้งที่ 2 เสียอีก สุดท้ายก็ควอลิฟายได้ อันดับที่ 17
ส่วนควอลิฟายช่วงที่ 2 ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนเซ็ทอัพเครื่อง ทำให้แซนดี้ควบคุมรถได้ดีขึ้น ในแล็ปที่3 แซนดี้ทำเวลาเร็วที่สุดต่อรอบ ด้วยเวลา 1:39:550 เขาพยายามพัฒนาตัวเอง แต่ก็มีช่วงที่เข้าโค้งที่ 8 หลุดโค้งออกไปตรงโซนก้อนกรวดด้วย สุดท้ายก็ควอลิฟายได้อันดับที่ 13 ถือว่าทำเวลาได้ดีกว่าควอลิฟายครั้งแรก ซึ่งความคาดหวังของทีมต่อแซนดี้สำหรับการแข่งครั้งแรกในยุโรปนี้ ตั้งไว้เพียงแค่ ควอลิฟายในท็อป 15 และตั้งเป้าผลการแข่งอยู่ที่ครึ่งบนของตารางจากผู้เข้าแข่งทั้งหมด 28 คนเท่านั้น แซนดี้กับทีมก็รู้สึกพึงพอใจกับผลการควอลิฟายที่ออกมา แต่แซนดี้เองก็หวังอยู่ว่าเขาเองจะทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีกในช่วงแข่ง
Hockenheim Race 1
เรซ1 แซนดี้ออกสตาร์ทได้ดีจากตำแหน่งที่ 17 ใน กริดสตาร์ท เขาขึ้นแซงได้หนึ่งคันในแลปที่ 1 เขารู้สึกว่ารถเซ็ทอัพได้ดี แต่ในช่วงแลปที่ 2 เขาพยามแซงรถอีกคันในโค้งที่ 6 หน้าอัฒจันทร์ของเมอเซเดส ปรากฏว่า มีรถอีกคันเข้ามาประชิดและชนเข้าที่ปีกหน้าของรถแซนดี้ ก็เป็นช่วงเวลาที่ชิงจังหวะแซงกันอย่างดุเดือด เพื่อพยายามอยู่ในตำแหน่งที่น้อยที่สุด แต่เนื่องจากเวลาแลปที่เหลือของการแข่งก็ไม่มากนัก ไม่เพียงพอกับการการกลับเข้าพิตเพื่อเปลี่ยนปีกหน้ารถ แซนดี้จึงประคองขับรถที่ปีกหน้าเกือบพังชี้ขึ้น จนจบการแข่งขันโดยที่ยังรักษาตำแหน่งที่ 16 ไว้ได้
Hockenheim Race 2
ในเรซที่ 2 แซนดี้ออกสตาร์ทจากที่ 13 เขาออกตัวได้ดีอีกครั้ง แซงรถ 2 คันข้างหน้าได้ในแลปที่ 1 เขาพยายามตีขึ้นไล่กลุ่มนำ ต่อมาในแลปที่ 3 รถเซฟตี้คาร์ออกมานำ และออกไปในแลปที่ 5 หลังจากนั้นแซนดี้ขึ้นแซงอีกหนึ่งคัน และในช่วงกลางของการแข่งขัน แซนดี้เร่งความเร็วไล่บี้ขึ้นมา ลดระยะห่างระหว่างรถของเขากับกลุ่มนำ ระหว่างนั้นเอง ผู้บรรยายในสนามแข่งชาวเยอรมันก็ตั้งฉายาให้เขาว่าว่า “Der Schenller Thailander” ซึ่งก็แปลเป็นไทยได้ว่า “นักขับไทยจอมฉับไว” นั่นเอง กระทั่งเกือบสิ้นสุดการแข่งล้อรถของเขาเริ่มมีปัญหา แซนดี้ก็ขับอย่างระวังแต่ก็ยังรักษาที่ 9 ไว้ได้อยู่ ซึ่งแซนดี้และทีมก็พอใจกับผลงานในครั้งนี้ของเขาที่ได้เรียนรู้ประสบการณ์หลายอย่างเพิ่มเติม
Hockenheim Race 3:
ในเรชที่ 3 แซนดี้เริ่มสตาร์ทจากที่ 16 เนิ่องมาจากผลจากการแข่งใน เรซแรกที่เขาได้ที่ 16 พร้อมด้วยรถที่ปีกหน้าหัก คราวนี้ แซนดี้ออกตัวช้า ถูกแซงขึ้นไป 3 ตำแหน่งก่อนโค้งที่1 เขาพยายามตีตื้นขึ้นมาอย่างเร็วจนกระทั่งก่อนจบแลปแรก เขาแซงคืน 3 ตำแหน่งนั้นสำเร็จ กลับมาอยู่ที่ 16 ได้เหมือนเดิม จากนั้นแซงขึ้นอีก 2 ตำแหน่ง เป็นอันดับที่ 14 และขึ้นมาเป็นอันดับที่ 12 ในแลปถัดมา ต่อมาเร่งทำเวลาได้เร็วเป็นอันดับที่ 8 เขาพยายามเร่งอย่างหนัก จนกระทั่งเหยียบมากเกินไปในช่วงโค้ง1 ทำให้รถหมุน หลุดออกไปอยู่โค้งสนาม ซึ่งล้อของรถสองล้ออยู่บนพื้นกรวด เจ้าหน้าที่เข้ามายกรถของแซนดี้ออกไป ไม่ได้ให้กลับสู่การแข่งขันอีก แซนดี้จึงต้องออกจากการแข่งไปอย่างน่าเสียดาย แซนดี้ถือว่าเขาได้ประสบการณ์ และความทรงจำอันมีค่าที่ ฮอคเก้นไฮม เขารู้สึกขอบคุณการดูแลและความช่วยเหลือของทีมคีโอ รวมไปถึงทีมช่างฝีมือดีของทีมเป็นอย่างมาก และตอนนี้จิตใจของเขาก็เริ่มจดจ่อกับการแข่งสนามแรกของเขาในยูโรคัพที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 16-17 เมษายนนี้ซะแล้ว
ฟอร์มูล่าเรโนลด์ยูโรคัพ (Eurocup Formula Renault 2.0) เป็นซีรีส์ที่เริ่มขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2534 (ปี 1991) ในยุโรป รวมบรรดาแชมป์ต่างๆจากทั่วโลกมาประชันฝีมือกัน ซึ่งผู้ชนะการแข่งยูโรคัพ 2011 นั้น จะได้รับ เงินรางวัลมูลค่า 500,000 ยูโร เพื่อใช้ในการแข่งฟอร์มูล่าเรโนลด์ V6 (Formula Renault 3.5) ในปี 2012 เป็นลำดับถัดไป ตัวอย่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ในยูโรคัพแล้วก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับฟอร์มูล่า1 ได้แก่ Pedro de la Rosa, Filipe Massa และ Kamui Kobayashi เป็นต้น
ตารางการแข่งขัน ฟอร์มูล่า เรโนลด์ ยูโรคัพ 2011
? Rounds 1 & 2: April 16 & 17 Circuit: Motorland, Spain
? Rounds 3 & 4 April 30 and May 1 Circuit: Spa-Francorchamps Belgium
? Rounds 5 & 6 June 18 & 19 Circuit: Nurburgring Germany
? Rounds 7 & 8 July 2 & 3 Circuit: Hungaroring Hungary
? Rounds 9 & 10 August 20 & 21 Circuit: Silverstone UK
? Rounds 11 & 12 September 17 & 18 Circuit: Paul Ricard France
? Rounds 13 & 14 October 8 & 9 Circuit: Catalunya Spain
For more information, please contact
ศศินี เอาเจริญภักดิ์
PR Executive
Tel:+66 38 880788 Fax: +66 38 880727
Email: [email protected]
Website: www.sandystuvik.com