สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ไทยค่อนข้างเงียบ มีปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากติดเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ประกอบกับตลาดคาดการณ์การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25 Bps มาเป็น 2.75% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันที่ 20 เมษายน 2554 ส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่รอจังหวะเข้าซื้อเมื่ออัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม กระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจจะกดดันอัตราผลตอบแทนไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะตราสารระยะสั้น
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า บริษัทได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย 10 เอ็ม 10 % ทริกเกอร์ ฟันด์ ( KT-Trigger2 ) เมื่อเดือนกันยายน 2553 โดยมีเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทสามารถบริหารกองทุน ให้ได้ผลตอบแทนที่10% ภายในระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ซึ่งบริษัทสามารถปิดกองทุนได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารกองทุน ให้มีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 11.00 บาท ขึ้นไป เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน จากมูลค่าหน่วยลงทุน ในช่วง IPO ที่ราคา 10.00 บาทต่อหน่วย และเป็นไปตามที่คณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด โดยบริษัทจะทำการสับเปลี่ยนเงินลงทุนของผู้ถือหน่วย พร้อมผลตอบแทน ไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยเซฟวิ่งฟันด์ ในวันที่ 25 เมษายน 2554
กองทุนนี้ ผู้จัดการกองทุนมีการบริหารแบบ Active Management มีการจับจังหวะในการลงทุน (Market Timing) และเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ประกอบกับมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (Asset Allocation)