- ย้ำ TK ยังคงเป็นผู้นำใน กทม. มากกว่า 28 ปีติดต่อกัน
ที่ประชุมผู้ถือหุ้น บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK อนุมัติให้ซื้อหุ้นบริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด 100% ของทุนจดทะเบียนในวงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติการออกหุ้นกู้วงเงิน 2,000 ล้านบาทและให้จ่ายเงินปันผล 0.52 บาทต่อหุ้น
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ TK เปิดเผยว่าผลของการอนุมัติการซื้อหุ้น 100% ของทุนจดทะเบียน 3,574 ล้านบาทในวงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท จะทำให้ TK สามารถทำรายการเทคโอเวอร์ บริษัทเซทเทเลม ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ และบริษัทจะสามารถเข้าใช้ฐานข้อมูลลูกค้าของเซทเทเลมเดิมที่มีอยู่ประมาณ 1 ล้านราย มาต่อยอดธุรกิจของ TK ได้ทันทีภายหลังจากการทำรายการ
“การซื้อกิจการเซทเทเลมในราคาไม่เกิน 200 ล้านบาทในครั้งนี้ คุ้มค่าต่อ TK อย่างมากเพราะในกิจการของเซทเทเลมเองมีเงินสดอยู่อีกราว 120 ล้านบาท อีกทั้งเราจะสามารถประหยัดเงินค่าตรวจสอบฐานะเครดิตของลูกค้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 70 บาทต่อรายชื่อ” นางสาวปฐมากล่าว
ปัจจุบัน TK มีฐานข้อมูลลูกค้าอยู่มากกว่า 2 ล้านราย เมื่อได้ฐานข้อมูลของเซทเทเลมมาผนวกรวมกับรายชื่อปัจจุบันแล้ว จะทำให้เราสามารถต่อยอดขยายธุรกิจเพิ่มเติมได้อีกทั้งในส่วนของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อเดิมและธุรกิจใหม่ที่จะเพิ่มเติมขึ้นต่อไป
นางสาวปฐมากล่าวเพิ่มเติมว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้ TK ออกหุ้นกู้วงเงิน 2,000 ล้านบาทในสกุลเงินบาทและ/หรือสกุลเงินต่างประเทศ อายุไม่เกิน 10 ปีนับตั้งแต่วันออกหุ้นกู้ในแต่ละคราว โดยอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในขณะที่ออกและเสนอขายหุ้นกู้
“การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของหลักประกันว่า TK จะสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้ในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันจุดแข็งของ TK คือต้นทุนทางการเงินที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ด้วยการกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว ซึ่งขณะนี้ ต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ยของ TK อยู่ที่ 3.9%”
ทางด้านนายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวถึงภาวะการแข่งขันการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ว่าการแข่งขันในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลนั้น สูงกว่าต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม TK อยู่ในฐานะที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้โดยอาศัยระบบการปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐาน บุคคลากรที่มีประสบการณ์ยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่ง TK ครองตำแหน่งที่ 1 ของตลาดได้อย่างต่อเนื่องมาเกือบ 30 ปี โดยเมื่อปีที่แล้วมีส่วนแบ่งตลาดมากถึง 25.47% หรือคิดเป็น 51,956 คัน
“ในปีนี้ ทางเราตั้งเป้ายอดรายได้ปีนี้จะเติบโตประมาณ 5% ส่วนยอดปล่อยสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์จะเติบโตอีก 10%” นายประพลกล่าว
นางสาวปฐมากล่าวเพิ่มเติมว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้น ยังได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผล 0.52 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 44% หรือที่ 0.36 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 พฤษภาคม 2554